วัฒนธรรมแถน : อ่านเอกสารชั้นต้นกันก่อน (๑)

วัฒนธรรมแถน : อ่านเอกสารชั้นต้นกันก่อน (๑)

เรื่อง “พญาแถน” เป็นตำนานที่ชนเผ่าไท-ลาว ทั้งกลุ่มไทน้อยและกลุ่มไทใหญ่มีร่วมกันเรื่องพญาแถนยังเป็นต้นเค้าของวัฒนธรรมไท-ลาวดั้งเดิม (ก่อนรับพุทธศาสนา) ทั้งในด้านวิถีชีวิตประจำปีและด้านการเมืองการปกครอง

ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ แม้วัฒนธรรมพญาแถนจะลดความสำคัญไปจนเกือบหมดแล้วแต่กระนั้นก็ยังคงรักษา “รูปแบบ” บางรูปแบบที่ยังมีอิทธิพลต่อชาวบ้าน อย่างเช่น การจุดบั้งไฟก่อนที่ผู้เขียนจะเสนอข้อคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมพญาแถนต่อไป ขอให้ท่านผู้อ่านศึกษาเรื่องพญาแถนและขุนบูรม จาก “พงศาวดารล้านช้าง” บริเฉทที่ ๒ ก่อนดังนี้

๏ ดูราสปุริสทั้งหลาย ดังเราจักรู้มามีในกาลเมื่อก่อนเถ้าเก่าเล่ามา เปนคำปรำปราสืบ ๆ มาว่าดังนี้ กาลเมื่อก่อนนั้น ก็เปนดินเปนหญ้าเปนฟ้าเปนแถน ผีแลคนเที่ยวไปมาหากันบ่ขาดเมื่อนั้นยังมีขุนใหญ่ ๓ คน ผู้หนึ่งชื่อว่าปู่ลางเชิงผู้หนึ่งชื่อขุนคาน อยู่สร้างบ้านเมืองลุ่ม กินปลาเฮ็ดนาเมืองลุ่มกินเข้า เมื่อนั้นแถนจึงใช้ให้มากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า ในเมืองลุ่มนี้กินเข้าให้บอกให้หมาย กินแลงกินงายก็ให้บอกแก่แถน ได้กินขึ้นก็ให้ส่งขาได้กินปลาก็ให้ส่งรอยแก่แถนเมื่อนั้นคนทั้งหลายก็บ่ฟังคามแถน แม้นใช้มาบอกสองทีสามที ก็บ่ฟังหั้นแล

๏ แต่นั่น แถนจึงให้น้ำท่วมเมืองลุ่ม ลีดเลียงท่วมเมืองเพียงละลายคนทั้งหลายก็ฉิบหายมากนักชะแล

๏ ยามนั้นปู่ลางเชิงแลขุนเด็กขุนคาน รู้ว่าแถนเคียดแก่เขา ๆ จึงเอาไม้ขาแรงเฮ็ดแพเอาไม้แปงเรือนเฮ็ดพวง แล้วเขาจึงเอาลูกเอาเมียเข้าอยู่ในแพนั้น แล้วน้ำจึงพัดเขาขึ้นเมือบน ขนเอาเมือเมืองฟ้าพู้นแล

๏ พระยาแถนจึงถามเขาว่า สูจักมาเมืองฟ้าตูพี้เฮดสัง เขาจึงบอกเหตุการณ์ทั้งมวญพระยาแถนจึงว่าตูใช้ให้ไปกล่าวแก่สูสองสามทีให้ยำแถนยำผีเถ้ายำเจ้ายืนกาย สูสั่งบ่ฟังคำกูจึงเท่าสูแล้ว

ทีนั้นพระยาแถน จึงให้เขาไปอยู่ที่บึงดอนแถนลอหั้นแล แต่นั้นน้ำจึงแห้งจึงบกเปนพื้นแผ่นดิน เขาจึงไหว้ขอพระยาแถนว่า ตูข้อยนี้อยู่เมืองบนบ่แกว่นแล่นเมืองพ้าบ่เปน ตูข้อยขอไปอยู่เมืองลุ่มลิดเลียง เมืองเพียงพักย่อมพู้นเทอญเมื่อนั้นพระยาแถนจึงให้เอาลงมาส่ง ทั้งให้ควายเขาลู่แก่เขา จึงเอากันลงมาตั้งอยู่ที่นาน้อยอ้อยหนูก่อนหั้นแล แต่นั้นเขาจึงเอาควายนั้นเฮ็ดนากิน นานประมาณ ๓ ปี ควายเขาก็ตายเสีย เขาละซากควายเสียที่นาน้อยอ้อยหนูหั้นแล้ว อยู่บ่นานเท่าใด เครือหมากน้ำก็เกิดออกฮูดังควายตัวตายนั้นออกยาวมาแล้ว ก็ออกเปนหมากน้ำเต้าปูง ๓ หน่วย แลหน่วยนั้นใหญ่ประมาณเท่ารินเขาปลูกเข้านั้น เมื่อเครื่องหมากนั้นแก่แล้ว คนทั้งหลายก็เกิดมาอาไศรยซึ่งหมากน้ำ เปนดังนางอาสังโนเกิดในท้องดอกบัวเจ้าฤๅษีเอามาเลี้ยงไว้ คนทั้งหลายฝูงเกิดในผลหมากน้ำเต้าฝูงนั้นก็ร้องก้องนีนันมากนัก ในหมากน้ำนั้นแล


๏ ยามนั้นปู่ลางเชิงจึงเผาเหล็กชีแดงชีหมากน้ำนั้น คนทั้งหลายจึงบุเบียดกันออกมาทางฮูทีชีนั้น ออกมาทางฮูทีนั้นก็บ่เบิ่งคับคั่งกันขุนคานจึงเอาสิ่วไปสิ่วฮู ให้เปนฮูแควนใหญ่แควนกว้าง คนทั้งหลายก็ลุไหลออกมานานประมาณ ๓ วัน ๓ คืนจึงหมดหั้นแล คนทั้งหลายฝูงออกมาทางฮูชีนั้นแบ่งเปน ๒ หมู่ ๆ หนึ่งเรียกชื่อไทยลมหมู่หนึ่งเรียกชื่อไทยลี ผู้ออกทางฮูสิ่วนั้นแบ่งเปน ๓ หมู่ หมู่หนึ่งเรียกชื่อไทยเลิง หมู่หนึ่งเรียกชื่อไทยลอ หมู่หนึ่งเรียกชื่อไทยควางแล

๏ แต่นั้นฝูงปู่ลางเชิง จึ่งบอกสอนเขาให้เฮ็ดไฮ่ไถนา ทอผ้าทอสิ้นเลี้ยงชีวิตเขา แล้วก็ปลูกแปงเขาให้เปนผัวเปนเมีย มีเย่ามีเรือนก็จึงมีลูกหญิงลูกชายมากนักแล เมื่อนั้นปู่ลางเชิงเล่าบอกให้เขารักพ่อเลี้ยงรักแม่เลี้ยง เคารพยำเกรงผู้เถ้าผู้แก่กว่าตนเขาแล อยู่หึงนานไปพ่อแม่เขาก็ตายท่านปู่ลางเชิงเล่าบอกให้เขาไหว้พ่อแม่เขาแล้วให้ส่งสการเมี้ยนซากฝูงออกมา ทางฮูสิ่วให้เผาเสียเก็บถูกล้างสร้อยสีแล้วให้แปงเถียง ใส่ลูกไว้ให้ไปส่งเข้าส่งน้ำชุมื้อ ฝูงออกทางฮูชีนั้นให้ฝังเสียแล้วแปงเถียงกวมไว้เล่า ให้ไปส่งเข้าน้ำชุวันคั้นเขาไปบ่ได้ปู่ลางเชิงบอกให้แต่งเพื่อน เข้าเหล้าไว้ห้าห้องเรือนเขาแล้วให้เขาเรียกพ่อแม่เขาฝูงตายนั้นมากินหั้นแล

๏ แต่นั้นคนทั้งหลายฝูงเกิดมาในน้ำเต้า ฝูงออกมาทางฮูสิ่วนั้นเปนไทย ฝูงออกมาทางฮูชีนั้นเปนข้า คนฝูงนั้นลวดเปนข้อยเปนไพร่เขาเจ้าขุนทั้งสามนั้นแล เมื่อนั้นคนแผ่พวกมามากนัก มากอย่างทรายหลายอย่างน้ำ ท่อว่าหาท้าวหาพระยาบ่ได้ ปู่ลางเชิงทั้งขุนเด็กขุนคานบอกสอนเขาก็บ่แพ้ แม้ว่าใคเขาก็บ่เอาคำ ขุนทั้งสามก็จึงขึ้นเมือขอหาท้าวพระยากวนแถนหลวง พระยาแถนจึงให้ขุนครูแลขุนครอง ลงมาเปนท้าวพระยาแก่เขาหั้นแล

๏ เมื่อขุนทั้งสองลงมา สร้างบ้านก็บ่เปลืองสร้างเมืองก็บ่กว้าง สูกินเหล้าชุมื้อชุวัน นานมาไพร่ค้างทุกขค้างยากก็บ่ดูนา

๏ เมื่อนั้นขุนเด็กขุนคาน จึ่งขึ้นเมือไหว้สาแก่พระยาแถน ๆ จึ่งถกเอาทังสองหนีเมือบนหนเมือฟ้าดังเก่าเล่าแล พาหิระนิทานํนิฏฐิตํ

๏ ปางนั้นพระยาแถนหลวงจึงให้ท้าวผู้มีบุญ ชื่อว่าขุนบูลมมหาราชาธิราช (บรมมหาราชาธิราช) อันได้อาชญาพระยาแถนแล้ว ก็จึ่งเอารี้พลคนทั้งหลายลงเมือเมืองลุ่มลีดเลียงเมืองเพียงคักค้อย มาอยู่ที่นาน้อยอ้อยหนูอันมีลุ่มเมืองแถนหั้นก่อนแล

๏ ทีนั้นคนทั้งหลายฝูงออกมาแต่น้ำเต้าปูงนั้น ผู้รู้หลักนักปราชญ์นั้นเขาก็มาเปนลูกท่านเบ่าเธอขุนบูลมมหาราชา แลผู้ใบ้ช้านั้นเขาก็อยู่เปนไพร่ไปเปนป่า สร้างไฮ่เฮ็ดนากินแล

๏ เมื่อนั้นขุนบูลมมหาราชา ก็เจรจากับเจ้าขุนทั้งหลายฝูงลงมาพร้อมตนนั่นว่า แรกแต่นี้เมื่อน่าเราจักเฮ็ดสิ่งใด ให้มีอันนุ่งอันกินแก่คนทั้งหลายนี้จา แต่ก่อนพู้นพระยาแถนเจ้าให้ขุนคองลงมาปกห้อมคนทั้งหลายดังนั้น สองเขามาสร้างบ้านก็บ่เปลือง สร้างเมืองก็บ่กว้าง แถนจึงถกเขาหนีเมือเมืองบน ขนเขาหนีเมือเมืองฟ้าพู้นแล้ว ในที่นี้แถนเล่าให้เราพี่น้องลงมาปกมาฮวมเขานี้แลมาดูคนทั้งหลายนี้ มากดังทรายหลายดังน้ำ เราจะคิดการอันใดให้มีอันห่มอันปกเขา ให้มีอันจักกินแก่เขานี้จา มาเราเปนพี่น้องให้ขุนเสลิงเมือไหว้สาพระยาแถนเจ้าเทอญยามนั้นขุนเสลิงก็เมือไหว้เมือสาเล่าแก่พระยาแถนชุประการหั้นแล

๏ เมื่อนั้นพระยาแถนหลวงจึ่งให้แถนแต่งแลพิศณุกรรมลงมาแต่แปงแก่เขา แถนแต่งจึงมาแต่ยามให้ทำไร่ทำนา ปลูกเข้าปลูกผักปลูกลูกไม้หัวมันทั้งมวญอันจักควรกิน เล่าบอกยามอันทอผ้า หาที่หากเปนเชื้อชาติพืชพรรณยา แถนชื่อแถนกรม แถนตรา เกลางกเกลางา ตับค้ายเกิดเมืองคนมาเอาปฏิสนธิด้วยโอปปาติกะชาติองอาจนักหนา ทั้งอรรคชายานางนาฎ โฉมพิลาศชื่อนางแอกแดง ทัง้ นางยมพาลาแฝงฝ่ายข้าง ทั้งให้ช้างงาแดงกอดลงมาทั้งกองฮาง เงินฮาง ง้าวกับทั้งตาวฮางกร แลดาบเหล็กพวนฝักหวาย ทั้งง้าวปายชายด้ำมาศ ทั้งเกิบแลดาบฝักคำ ทั้งคันธนูกับแล่ง หอกละมังแมงคันคำทั้งให้ไถกลอนมาสอนคำแปงคำ ให้จำนำแห่แหนเขาเจ้าทั้งสามแถนปลงความว่า ให้ขุนเสลิงลงถือแถนคำ ให้ขุนคานลงมาถือศรคำ ให้ขุนคองลงฮางถือง้าว ให้ขุนเมืองลงมาถือตาวฮางกร ให้ขุนทอนเลาถือดาบฝักหอย ให้ขุนแวนลงถือง้าวปลายไชย ให้ขุนพีลงถือเกิบฝักคำ ให้ขุนพลลงถือมุกคันคำ ให้ขุนพานลงถือธนู

๏ เมื่อนั้นขุนบูลมจึ่งขัดไถ้แสง สพายแวงสลิคันไชย ถือตาวแมวี กับมีดน้อยสวยเรียม แล้วก็จึ่งขึ้นขี่ช้างงาเกี้ยวงากอด จึ่งเอานางแอกแดงขี่ถัดขุนบูลมนั้น แลเอานางยมพาลาขี่ตาม แล้วแถนจึ่งให้ขุนสารขี่ตอนช้างขุนบูลมลงมา แถนเล่าให้ขุนค้ายถือเสียมลงมาตามหลัง ขุนยี่ให้ถือพ้าถือมีดมา ขุนอุ่นให้ถือขวานถือแอกลงมา ขุนคำให้ถือไถ่ถือเปดลงมามวญ ขุนทั้ง ๘ นี้จึ่งมาตามหลังขุนบูลมราชาแล ส่วนพิศณุกรรมจึ่งบอกคุณอันเข่นพร้ามีดจกเสียมเครื่อง เวียกการช่างเขาทั้งมวญ เล่าบอกคุณอันทำหูกทอฝ้าย แพรเขมฝ้ายด้ายไหมทั้งมวญ อันควรนุ่งควรกินทั้งมวญหั้นแล

๏ แถนจึ่งสั่งสอนขุนบูลม ผู้เปนท้าวเปนพระยาในลุ่มฟ้านี้ว่าไทยควางให้ออกหาขุนควางไทยวีให้ออกหาขุนวี ไทยเลิงให้ออกหาขุนเลิงไทยเลนให้ออกหาขุนเลน ไทยลอให้ออกหาขุนลอ แถนแต่งเล่าจึ่งว่ากับขุนบูลมดังนี้ ตั้งแรกแต่นี้เมื่อน่า ชาวเมืองลุ่มนี้ได้กินขึ้นให้ส่งขาแก่แถนได้กินปลาให้ส่งรอยแก่แถน ให้เฮ็ดแหวนเฮ็ดหัวส่งแก่ล่าม ใช้แถนแต่มื้อลวงคะลำแก่ผู้ชาย มื้อรวายให้คะลำแก่ผู้หญิง เดือนเจี๋ยงให้คะลำพื้นมื้อกดมื้อกาบเดือน

๏ ให้กะลำพื้น มื้อเต่ามื้อระวาย พักบาทอย่าราน พักบาทขวานอย่าป้ำ ฟืนหาบน้ำอย่าตัก สากอย่าตำอย่าร่อน ได้จึ่งจะดีก็สูตาย

๏ เมื่อนั้นแถนแต่งแล้วพิศณุกรรมคั้นว่าสั่งสอนมวญขุนบูลมราชากับอำมาตยแลทั้งหลายดังนี้แล้ว ก็จึ่งเมือบอกเมือเล่าแก่พระยาแถนว่ามือขวาให้ห้ามผู้ชาย มือซ้ายให้ห้ามผู้หญิง เผือข้อยทั้งสองก็ไปแต่ง แปงบอกสอมเขาชุประการแล้ว เมื่อนั้นพระยาแถนเล่าถามว่าเครื่องอันจักเล่นจักหัว แลเสพรำคำขับทั้งมวญนั้นยังได้แต่งแปงให้แก่เขาไป ยามนั้นแถนแพนจึงว่าเครื่องฝูงนั้นข้อยไป่ได้แต่งแปงกาย เมื่อนั้นพระยาแถนหลวงจึงให้ศรีคันธพะเทวดา ลาลงมาบอกสอนคนทั้งหลายให้เฮ็ดฆ้องกลองกรับ เจแวงปีพาทยพิณเพี้ยะเพลงกลอนได้สอนให้ดนตรีทั้งมวญ แลเล่าบอกส่วนครูอันขับฟ้อนฮ่อนนะสิ่งสว่าง ระเมงละมางทั้งมวญถ้วนแล้ว ก็จึ่งเมื้อเล่าเมื้อไหว้แก่พระยาแถนหลวงชุประการหั้นแล

๏ เมื่อนั้นพระยาแถนหลวงจึ่งกล่าวว่า แต่นี้เมือน่า อย่าให้เขาขึ้นมาหาเฮาซ้ำสองทีทอญแม้นเราก็อย่าลงไปหาเขาซ้ำสองทีทอญ แถนหลวงจึ่งให้ตัดข้อหลวงอันแรงกายหลายหลวงอันแรงเรียวนั้นเสีย แต่นั้น ผีแลคนลวดบ่เทียวไปมาหากันได้หั้นแล.

๏ เมื่อนั้นขุนบูลมราชา อันเปนท้าวพระยาในเมืองลุ่มนี้สร้างบ้านก็บ่ทันเปลือง สร้างเมืองก็บ่ทันกว้าง ยังมีเครือเขากาด (แกลบ) เกิดเปนอุบาทว์ในห้องกวาทานนั้นแล แดนดินสูงขึ้นได้แลโยชน์ มีกิ่งเง่าแลปกรกกวมเมืองแถนทั้งมวญ อยู่สัพพรั่มเงาเอื้อมเมืองแมนพู้นแล คอยฟ้าก็บ่เห็นหนาวเย็นจักผิงแดดก็บ่ได้ ทั้งหลายเฮ็ดไร่ไถนากินก็บ่ดี

๏ เมื่อนั้นขุนบูลมจึ่งให้ไผไปตัดไปฟันเสียก็ว่าเข็ดแล้วนักบ่อาจจักไปตัดได้ ยามนั้นยังมีเถ้าแก่สองคน ผู้หนึ่งชื่อว่าเถ้าเย่อ ผู้หนึ่งชื่อว่าเถ้ายา ทั้งสองเขาจึ่งขันไปฟันเครือเขากาดต้นนั้นเขาจึ่งว่าเมื่อใดเผือข้อยหากตายไปแท้ ให้คนทั้งหลายได้ถือเวรทางเผือข้อยครั้นจักเฮ็ดจักกินอันใดก็ดี ให้ได้เรียกพาเผือข้อยก่อนจึ่งเฮ็ดจึ่งกินทอญ ยามนั้นเขาทั้งหลายว่า เออดีแล้ว ตูทั้งหลายหากจักเรียกหาเขือปู่ก่อน แล้วช่างเฮ็ดช่างกินชอบแล เมื่อนั้นเขาสองเถ้า ก็แบกขวานเข้าไปฟันชุวัน ๆ นานประมาณ ๓ เดือน ๓ วัน จึงขาดเครือเขากาดก็ล้มท่าวไป สองชายเขาก็ตายไปหั้นแล ปางนั้นคนทั้งหลายก็พอกพลีกรรมสองเขาจึ่งเรียกว่าเย่อกิน ยามนั้นเขาเกิดเปนอารักษเทวดา ก็ลวดกินเครื่องพอกเครื่องพลี ตามวิถีวิญญาจิตรอันคติหั้นแล ด้วยแท้จิลการนานนักแต่นั้นมาภายน่าผีฝูงชาวล้านช้างเฮานั้นล้วนเอาความอันนั้นเปนนิมิตร ลวดว่ามาเย่อเปนโวหารเรียกกันในกาลเมื่อจักเฮ็ดเวียดก็ดีจักกินก็ดี ฐานทีนั้นก็จึงเปนบ้านเปนเมืองกว้างว่างใหญ่ คนทั้งหลายจึงหมายชื่อว่าเมืองแถน เหตุฟ้าแล่นลงมาแต่งแปงให้ จึงเปนบ้านเปนเมืองแล

๏ เมื่อนั้นขุนบูลมราชาธิราช สร้างบ้านก็จึงเปลือง สร้างเมืองก็จึงฮู่ง ฝูงไพร่ก็อยู่ไถนาตกก้า ข้าก็อยู่พางฟันไร่เฮ็ดนากินแล ภายน่าแต่นั้นอยู่หึงนาน ท้าวบูลมจึงมีลูกชาย ๗ คน ได้ด้วยนางแอกแดงก่อนผู้พี่อ้ายชื่อว่าขุนลอ ผู้ยี่ว่ายี่ผาลาน ผู้สามชื่อว่าสามจูสง ถัดนั้นจึ่งได้ลูกด้วยนางยมพาลา ๓ คน ผู้อ้ายชื่อว่าไสผงผู้หนึ่งชื่อว่างัวอิน ผู้หนึ่งชื่อว่าลกกลม แล้วก็ได้ด้วยนางแอกแดงผู้ถ้วน ๗ นั้น เรียกชื่อว่าเจ็ดเจิงแล เมื่อลูก ๗ คนนั้นก็ดี เมื่อลูกขุนบูลมนี้ใหญ่ขึ้นมารู้หลักนักปราชญ์แล้ว ขุนบูลมจึงรำพึงว่าลูกกูนี้ก็ใหญ่หนากล้าขึ้นมา รู้หลักพอสร้างบ้านแบ่งเมืองเปนชะแลปานนี้พอควรกูแผ่แม่ปลงลูกกู ไปก่อบ้านแปงเมืองให้กว้างขวางกินทอญ ครั้นขุนบูลมคิดดังนี้แล้ว ก็จึงกล่าวบอกลูกทั้งหลายว่ากูก็จักปลูกแปงลูกเจ้าให้ไปสร้างบ้านแปงเมือง กินที่กว้างหว่างพู้นแล เมื่อขุนบูลมกล่าวเท่านั้นแล้ว จึ่งมาปันเครื่องให้เขาพี่น้องคือว่าให้ฆ้องราง ง้าวตาว แม่วีแก่ขุนลอ ให้หอกมังคะละคันคำแก่ยี่ผาลาน ให้เกิบกับดาบฝักคำแก่สามจูสง ให้น่าซองคำแล่งชายคำไสผง ให้ง้าวปากไชยด้ำมาศแก่งัวอิน ให้ดาบท่อพวนฝักถักหวายแก่ลกกลม ให้ตาวรางกวนแก่เจ็ดเจิง

๏ เมื่อนั้นช้างเขียวงากอม (กรอม) แต่ปู่เจ้าแถนหลวงแบ่งมาดอมพ่อเขานั้น ครั้นตาย ขุนบูลมจึงให้เลื่อยงาช้างก่ำขวานั้นเปน ๔ ท่อน ๆ กกนั้นให้แก่ขุนลอท่อน ๑ ถัดนั้นให้แก่ยี่ผาลานท่อน๑ ถัดปลายนั้นให้สามจูสงท่อน ๑ ปลายนั้นให้แก่เจ็ดเจิง ๔ คนเขานี้ลูกนางแอกแดงแล แล้วให้เลื่อยงาก่ำซ้ายนั้น เปน ๓ ท่อน ๆ กกนั้นให้แก่ไสผง ๑ ท่อนกลางให้แก่งัวอิน ๑ ท่อนปลายนั้นให้แก่ลกกลม ๓ คนนี้ลูกนางยมพาลาแล

๏ ขุนบูลมเล่าจักปันแก้วแหวนแก่ลูกทั้งหลาย จึ่งกล่าวว่า อันแหวนธำมรงค์เลื่อมแสงใสมณีโชติแก้ว ปู่เจ้าแถนกันแต่งมานั้น ให้ไว้แก่เจ้าขุนลอ หน่วยปัทมราช โชติแสงสิงตาวัน แถมคำกีใส่ถุงมาพร้อมนั้น ให้ไว้แก่ยี่ผาลาน หน่วยมุกตั้งเลื่อมผิวเงินเลียงล่องนาคราชน้อมนำมาส่งส่วยแถน ให้ไว้แก่จูสง หน่วยเพ็ชรเชิดตั้งแผ้วแผ่นบาดาลใคร ๆ แหงะหน้าคอยมิได้นั้น ไว้แก่เจ้าไสผง หมากนิลเลื่อมผ่านส่องแสงสองแถนลูบไลลมนิ้วส่งมานั้น ไว้แก่เจ้างัวอินอัมพาผ่องผายงามปัตลอดลิงลำไว้ห้า พากแพบนนั้น ให้ไว้แก่เจ้าลกกลม มีหน่วยปัดคำแสงเลื่อมหลาย หลากแก้วแต่ฟ้าตนเจ้าปู่แถนนั้น ให้ไว้แก่เจ็ดเจิงทอญ ครั้นว่าขุนบูลมราชาแบ่งปันของแก่ลูกชายทั้งหลาย ๗ คนนี้แล้ว จึงบอกชี้ที่บ้านเมืองให้แก่เขาพี่น้องว่าขุนลอให้ไปสร้างเมืองชวา เปนท้าวเปนพระยาแก่คนทั้งหลายทอญ ยี่ผาลานให้ไปสร้างเมืองหัวแต สามจูสงให้ไปสร้างเมืองแกวช่องบัวไสผงให้ไปสร้างเมืองยวนโยนก งัวอินไปสร้างเมืองชาวใต้อโยทธยา ลกกลมให้ไปสร้างเมืองเชียงคม ยอสามเจ็ดเจิงให้ไปสร้างเมืองพวน ครั้นชี้บ่อนให้แก่เขาแล้ว จึงให้คำสอนอธิษฐานไว้ดังนี้

๏ เจ้าพี่น้องหากแม่นลูกกูผู้เดียวดาย เมื่อกูตายไปอยู่ลูกหลังกูพ่อสูเจ้าก็ป้านแปงเมือง บุญผู้ใดมีหากได้นั่งบ้านสร้างเมือง อันกว้างขวางว่างใหญ่ บุญผู้ใดบมีหลาย หากจักได้ที่แคบขันอันชะแล กูปันให้สูเจ้าแล้วดังนี้ ภายน่าผู้ใดอย่าโลภตัณหาอิจฉามักมาก แลเอารี้พลช้างม้าไปตกแดนเอาหอกดาบเขนแพนไปตกท่ง แล้วรบเลวเอาบ้านเมืองกันดังนั้น ให้ผู้นั้นวินาศฉิบหาย ทำอันใดอย่าให้เปนเข็นอันใดอย่าให้ได้ ปลูกไม้อย่าทันตาย ปลูกหวายอย่าทันล่อนข้อม่อนอย่าให้รี ปีมันอย่าให้กว้าง เทียวทางให้ฟ้าผ่า เมือป่าให้เสือกิน ไปทางน้ำให้เงือกท่อเรือฉก ไปทางบกให้เสือท่อม้ากินมันแล

๏ เมืองอ้ายไว้แก่อ้าย เมืองน้องไว้แก่น้องอย่าทำร้ายเบียดเบียนกัน อย่าผิดข้องข่มเหงเอาก็พ่อทอญ

๏ เมื่อขุนบูลมสั่งลูกปลูกแปงสำแดงบ้านเมือง ให้แก่ลูกตนดังนั้นแล้วอยู่บ่นานเท่าใด ก็ถึงอนิจกรรมตายไปตามกรรมท่านแล ถัดนั้นนางแอกแดงก็ดี นางยมพาลาก็ดี ก็ถึงอนิจกรรมตายตามกรรมแห่งตนชุคนหั้นแล เมื่อนั้นเขาพี่น้องก็ส่งสการเลิกทรากพ่อแม่เขาแล้ว ก็จึ่งให้ปฎิญาณแก่กันว่าตั้งแรกแต่นี้เมื่อน่า เราพี่น้องไปสร้างบ้านแปงเมืองที่พ่อแม่เราปันให้นั้นทอญ เราหมั่นให้ส่งข่าวสารการสนิทมิตรไมตรีต่อกันอย่าขาดตามอาชญาพ่อแม่เราสั่งไว้นั้นทอญ.

Related Posts

ภาพพระเตมีย์ บนใบเสมาทวารวดีอีสาน
ความยากจนและเครื่องชี้วัด
ต้นกำเนิดนิทาน “ตาเจี้ย ตาลูน – ปลาบู่ทอง – เต่าคำ และซินเดอเรลล่า”
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com