แม่โพสพ

(กรมวิชาการเกษตร. ๒๕๔๑. ข้าวกับฅนไทย. สถาบันวิจัยข้าว กรมวิชาการเกษตร.)

“ข้าวคือชีวิต” คนไทยเชื่อว่าข้าวเป็นสิ่งที่มีบุญคุณ มีจิตวิญญาณ มีเทพธิดาชื่อว่า “แม่โพสพ” ประจำอยู่ในต้นข้าว แม่โพสพเป็นผู้คอยดูแลต้นข้าวให้เจริญงอกงาม ถ้าผู้ใดได้ทำพิธีตามคติความเชื่อและบูชากราบไหว้แม่โพสพแล้วจะทำให้ผู้นั้นร่ำรวยอุดมสมบูรณ์ และข้าวสามารถให้คุณให้โทษแก่มนุษย์ได้ มนุษย์เราเป็นหนี้บุญคุณแม่โพสพเป็นอันมาก

เสฐียรโกเศศ” ให้ข้อวิเคราะห์ว่า การที่ผีหรือเทวดาประจำพืชพรรณธัญญาหารของชาติต่าง ๆ ในโลกมักเป็นเทวดาผู้หญิง คงเป็นเพราะข้าวเป็นสิ่งที่เลี้ยงชีวิตให้เจริญเปรียบเหมือนมารดาที่เลี้ยงบุตร ประเทศไทยเราเรียกว่าแม่โพสพหรือเพี้ยนเป็น พสพ หรือ ประสพ ก็มี เข้าใจว่าโพสพเป็นคำเพี้ยนไปจาก ไพสพ ซึ่งเป็นเทพพิทักษ์ขุมทรัพย์ในดิน หรือมาจากคำว่า ไพสพราช ซึ่งเป็นชื่อตราตำแหน่งดวงหนึ่งของเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการของโบราณ ตำนานหรือนิทานเกี่ยวกับแม่โพสพหรือแม่โคสก (อีสาน) มีเล่าต่อกันมาทุกภาคจะแตกต่างกันไปบ้างตามแต่ละท้องถิ่น โดยแตกต่างกัน ๒ แนวคือ นิทานภาคกลางและภาคใต้จะมีเรื่องตรงกันแนวหนึ่ง อีกแนวหนึ่งเป็นนิทานภาคเหนือและภาคอีสาน

ตำนานแม่โพสพของภาคอีสาน

ตำนานแม่โพสพที่มีผู้จารึกไว้ในใบลานด้วยอักษรธรรมที่วัดศรีภูมิ บ้านนาหอ อำเภอด่านซ้ายจังหวัดเลยว่า นานมาแล้ว พญาวิรูปักขาเป็นผู้ให้กำเนิดข้าว ต่อมาสมัยพระพุทธเจ้าผู้มีพระนามว่ากุกกุสันโท ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก ได้มีผู้นำเอาข้าวมาเลี้ยงคนและสัตว์ในชมพูทวีป ปรากฏว่าข้าวในสมัยนั้นเมล็ดใหญ่โตมาก มีกลิ่นหอมและรสอร่อย แต่เมื่อจะกินต้องใช้มีดพร้าผ่ามานึ่งกิน ต่อมาถึงยุคพระพุทธเจ้าผู้มีพระนามว่า โกนาคมโนเมล็ดข้าวก็เล็กลงบ้าง แต่ยังมีกลิ่นหอมและรสอร่อยเหมือนเช่นเคย

ในสมัยต่อมามีหญิงชราหม้ายคนหนึ่งเคยมีสามีถึง ๗ คน สามีตายหมดต้องอยู่คนเดียว ทั้งไม่มีลูกหลานจะพึ่งพาอาศัย คราวหนึ่งขณะนางกำลังทำยุ้งข้าวอยู่ เมล็ดข้าวก็พากันบินหลั่งไหลมารวมกัน ณ ใต้ถุนบ้านของนาง ยายแม่หม้ายโกรธมากที่เมล็ดข้าวมามากมาย เนื่องจากนางยังทำยุ้งไม่เสร็จ นางจึงเอาไม้ขนาดใหญ่ตีเมล็ดข้าว เหล่านั้นให้แตกกระจายเป็นซีกเล็กๆ ดังนั้นข้าวก็ตกใจพากันไปอยู่ตามเถื่อน (ป่า) ถ้ำ และหนอง ชาวบ้านให้ชื่อว่า นางโพสพ ข้าวนั้นไม่กลับมาหามนุษย์อีก ผู้คนพากันอดข้าวเป็นเวลานานถึงพันปี

มีลูกเศรษฐีคนหนึ่งไปเที่ยวป่าหลายวัน อดอาหารจึงเอาเหล็กแทงลงไปในน้ำเพื่อหาปลาบังเอิญแทงไปถูกปลาไหลทองตัวหนึ่ง ท้องแตกกระจายไปทั่ววังน้ำ มีพญาปลากั้ง (ตัวคล้ายปลาช่อน) ตัวหนึ่งมาพบเข้าจึงอ้อนวอนขอแลกปลาไหลทองด้วยนางโพสพ คือข้าว ลูกเศรษฐีตกลงจึงเรียกนางโพสพมาหาและมอบให้ลูกเศรษฐีไป นางโพสพขัดขืนไม่อยากไปเมืองมนุษย์เพราะกลัวถูกตีอีก มีเทวดาสององค์เนรมิตปลาและกวางทองมาช่วยพูด ขอให้นางโพสพไปอยู่เมืองมนุษย์เพื่อเลี้ยงคนและสืบพระศาสนา นางโพสพเห็นเป็นเทวดาก็ไม่อาจขัดได้จึงตกลงไปกับลูกเศรษฐี

พอมาถึงยุคพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสโป เมล็ดข้าวก็เล็กลงมาอีก มีกลิ่นหอมและรสอร่อยเช่นเดิมตลอดมา จนถึงพระพุทธเจ้าที่ทรงพระนามว่า โคตโม เมล็ดข้าวเล็กลงอีก มีกลิ่นหอมและรสอร่อยเช่นเคย

ต่อมามีพญาองค์หนึ่งเสวยราชแต่เป็นกษัตริย์อธรรม เกิดฝนแล้ง คนอดอยาก พญาองค์นั้นได้ทำยุ้งฉางหลวงเก็บข้าวไว้แจกจ่าย ประชาชนจึงมาขอรับข้าวไปแลกของกินและสิ่งของต่าง ๆ และขายเอาเงินมาใช้ ข้าวโกรธจึงหนีไปอยู่หนองต่อใกล้พระฤๅษีตนหนึ่งซึ่งพำนักอยู่ ณ ที่นั้น ประชาชนอดอยากอยู่ประมาณสามร้อยปี ผู้คนตายกันทั้งเมือง ยังเหลือแต่ตายายสองผัวเมีย และได้เข้าป่าไปหาพระฤๅษีเพื่อขออาหารกิน และได้เล่าถึงความอดอยากให้พระฤๅษีฟัง พระฤๅษีสงสารจึงเรียกนางโพสพ หรือข้าว มาหา แล้วมอบให้สองเฒ่านั้น ชั้นแรกนางโพสพขัดขืนไม่ยอมไปต่อมาพระ ฤๅษีบอกคาถาให้สองเฒ่านั้นเสกใส่นางโพสพ นางโพสพถูกคาถาจึงตกลงไปยังเมืองมนุษย์อีก และพระฤๅษีเสกให้ข้าวชนิดต่าง ๆ ด้วย พระฤๅษีให้สองเฒ่านั้นนำเมล็ดข้าวไปปลูก คราวแรกต้นเหี่ยวตายสองเฒ่าจึงแต่งเครื่องขวัญเรียกวิญญาณนางโพสพ และเอาคาถาที่พระฤๅษีบอกให้มาเสกใส่น้ำแล้วไปรดต้นข้าว ต้นข้าวจึงงอกงามดี เมล็ดข้าวได้แตกออกเป็นเมล็ดเล็กมากมาย สองเฒ่าจึงได้เอาเมล็ดข้าวแจกจ่ายไปยังบ้านเมืองต่าง ๆ ทั่วไป และแนะนำการปลูกข้าวให้ทราบ ทั้งบอกวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับข้าว เช่น มีการทำบุญคูณลาน เมื่อนวดข้าวกองไว้ที่ลานและทำพิธีเรียกขวัญข้าวหรือเจ้าแม่โพสพด้วย สองเฒ่าอายุยืนถึงพันปีจึงถึงแก่กรรม พันธุ์ข้าวได้แพร่หลายไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ อย่างกว้างขวางตลอดมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า

ข้าวมาจากเทวดาผู้หญิง ชื่อนางโคสก นางโคสกเป็นมเหสีของท้าวสักกะเทวราชซึ่งหมดบุญในสวรรค์ และต้องเกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งนางไม่ต้องการ นางต้องการอุทิศเนื้อหนังมังสาของนางให้เป็นอาหารเพื่อให้มนุษย์ได้บริโภค นางจึงขอพรต่อท้าวสักกะเทวราชผู้เป็นสามีว่า ขอให้นางได้เกิดเป็นอาหารของมนุษย์เถิด อย่าให้ต้องได้เกิดเป็นมนุษย์อีก เพราะมนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างลำบาก ไม่มีอาหารบริโภค เมื่อได้ประทานพรแล้วนางจึงได้ลงมาในโลกมนุษย์ เป็นหญิงสาวสวยงาม เดินถือดอกปาริชาตจากสวรรค์เข้าไปหาพระฤๅษีตาไฟที่นั่งหลับตาภาวนาอยู่ในป่าหิมพานต์ ตามปกติพระฤๅษีตาไฟจะลืมตาปีละครั้งในฤดูดอกปาริชาตบานถ้าลืมตานอกฤดูกาล ไฟจากดวงตาจะไหม้สรรพสิ่งให้เป็นจุณไปหมด

เมื่อพระฤๅษีได้กลิ่นดอกปาริชาตจึงแปลกใจว่าทำไมจึงมีกลิ่นดอกปาริชาต ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงฤดูจึงลืมตาขึ้น ไฟจากดวงตาไหม้นางเป็นจุณ พระฤๅษีสงสัยจึงเอาน้ำรดนางตรงนั้น แล้วอธิษฐานให้นางคืนชีพ เมื่อนางคืนชีพจึงบอกความประสงค์แด่พระฤๅษี แล้วร่างของนางเป็นเมล็ดข้าวขนาดกว้าง๘ นิ้ว ยาว ๑๖ นิ้วโดยประมาณ วางอยู่ พระฤๅษีจึงอธิษฐานขอให้นางบรรลุวัตถุประสงค์ แล้วยกไม้เท้าตีเมล็ดข้าวให้แตกกระจายแผ่ไปทั่วโลก บางส่วนตกลงไปในป่ากลายเป็นหัวเผือก หัวมัน บางส่วนตกลงไปในทุ่ง ในหนอง ในที่ราบก็เป็นข้าวเมื่อมนุษย์ไปพบเห็นก็เก็บมาทดลองกิน พบว่ากินได้ กินดี จึงนำมาเพาะปลูก เผยแพร่สืบต่อมา ข้าวมีชีวิตเหมือนคน มีปีกบินไปไหนมาไหนได้เหมือนนก เมล็ดข้าวโตเหมือนผลแตงโม ข้าวมีจิตใจ รู้จักรัก รู้จักโกรธ ใครทำดีพลีถูกข้าวจะบินมาอยู่ในเล้าเอง มนุษย์ไม่ต้องปลูกข้าว เพียงแต่สร้างยุ้งไว้คอยเท่านั้น ถึงฤดูกาลข้าวจะบินมาอยู่เต็มยุ้ง เมื่อนำข้าวมากินไม่ต้องตำ เพียงแต่ใช้มีดผ่าเอาเมล็ดข้าวสารหุงกินได้

ต่อมามีแม่หม้ายนางหนึ่งถึงฤดูกาลแล้วยังสร้างยุ้งไม่เสร็จ ข้าวบินเข้ามาในยุ้งทำให้เกิดความวุ่นวาย และเนื่องจากนางเป็นคนใจร้ายจึงเอาไม้คานหาบไล่ตีข้าวแตกกระจาย พร้อมกับด่าว่าต่าง ๆ นานา ข้าวถูกตีตกใจหนีไปและคิดว่ามนุษย์นี้ใจดำใจร้ายนัก เรามาอยู่เพื่อให้กินเป็นอาหารก็ยังไล่ด่าไล่ตี คิดแล้วน้อยใจจึงชักชวนกันไปอยู่ในป่าอยู่เขา เกิดเป็นเผือก เป็นกลอยหมด ทำให้มนุษย์ไม่มีข้าวกิน อดอยากหิวโหยไปมากมายสองเฒ่าตายายเห็นท่าไม่ดีจึงชักชวนกันไปหาฤๅษีตาไฟที่ป่าหิมพานต์ เล่าเรื่องให้ฟัง พระฤๅษีสงสารมนุษย์จึงรับอาสาว่าจะไปตามนางโคสกกลับคืนเมื่อพบนางโคสกพระฤ ๅษีขอร้องให้นางกลับ แต่นางไม่ยอมกลับ โดยกล่าวว่ามนุษย์ใจร้าย พระฤๅษีจึงอ้อนวอน นางบอกว่าถ้าจะให้กลับต้องให้พวกมนุษย์ปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพบูชา ว่าแล้วนางจึงกลั้นใจตาย กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวให้พระฤๅษีไปมอบให้ตายาย และฤๅษีสอนตายายว่าจงเอาเมล็ดพันธุ์นี้ไปปลูกขยายพันธุ์ ต่อไปนี้มนุษย์ต้องปลูกข้าวกิน และอย่าลืมบุญคุณนางโคสกการกระทำต่าง ๆ ต่อนางโคสก เช่น จะปลูก จะเกี่ยวจะหาบ จะนวด ต้องขอต้องขมาต่อนางเสียก่อนและหลังจากการเก็บเกี่ยวแล้วต้องบายศรีสู่ขวัญให้นาง ก่อนปลูกข้าวก็ต้องขอที่ต่อทางธรณี พระภูมิและตาแฮกเสียก่อน ต้องแต่งพานหวาน ๔ พานหมาก ๔ คำ ยา ๔ กอก บูชาสิ่งเหล่านี้ เวลาจะฟาดจะตีก็ต้องทำเช่นเดียวกัน จงปฏิบัติต่อนางให้ดี ตายายรับคำฤๅษีแล้วนำข้าวกลับมาปลูกแพร่พันธุ์ และทำพิธีกรรมต่าง ๆ ขึ้นแต่บัดนั้น

Related Posts

เรื่องจากปก ทางอีศาน 15 : กำเนิดข้าวไทย
เรื่องสั้น : กำแพง
การปรากฏตัวของนักการเมืองคนกล้า กับฉากอำลาตำแหน่งนายกฯ ของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (๕)
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com