By

ณรงค์ฤทธิ์ ศักดารณรงค์

นวนิยาย: กาบแก้วบัวบาน (๙)

สู้กันตัวต่อตัวบนหลังม้า เจ้าโคมคำพูดขึ้นก่อน เราสองคน ถ้าคนใดคนหนึ่งแพ้ทหารต้องยอมแพ้ไม่มีเงื่อนไข กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ถึงจะเห็นทหารเวียงวารินทร์มากกว่าแต่เชื่อมั่นในอานุภาพดาบสายฟ้า จึงพูดเสียงดังขึ้นอีก ท่านแม่ทัพ เราสองคนสู้กันเยี่ยงขุนพลผู้กล้าหากท่านแม่ทัพเอาชนะข้าได้ ข้าขอร้องอย่าทำร้ายผู้หญิง และจงไว้ชีวิตทหารข้า

นวนิยาย: กาบแก้วบัวบาน (๘)

ชายชุดเขียวชั้นเชิงดาบเกรี้ยวกราดที่เพิ่งตายไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นขุนไกรหัวหน้าทหารทะลวงฟันผู้ไม่เคยแพ้ใครแห่งเวียงวารินทร์ พิธีแต่งตั้งขุนพลและมอบดาบอาญาสิทธิ์จัดผ่านไปหยก ๆ เมื่อหัวหน้าทหารทะลวงฟันของแถนฟ้าลือเอาชีวิตมาสังเวยคมดาบสายฟ้า ชัยชนะเหนือขุนไกรในครั้งนี้ ส่งให้เหมราชกลายเป็นเจ้าโคมคำขุนพลผู้เลื่องลือนาม

นวนิยาย: กาบแก้วบัวบาน (๗)

เขาเห็นตัวเองและเวียงจันทราเดินเคียงคู่เลียบเลาะน่านน้ำ ทรายเนียนขาวระยิบวาวอยู่ใต้แสงแดดอ่อน น้ำเซาะหินระคนจักจั่นร้องระงมป่าใจสองดวงหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งใกล้ชิดทั้งผูกพันทะลุทะลวงสู่ความดื่มด่ำ ลืมรอยยิ้มและท่วงท่ารำของหญิงสาวชุดดำ ลืมคำมั่นสัญญาที่เคยให้เจ้าฟ้าคำหยาด ลืมคำสาบานในพิธีดื่มน้ำสวามิภักดิ์ ลืมคำพูดของหลวงพ่อและชายชุดขาวลืมกระทั่งความคิดจะกลับบ้าน เวียงจันทราเท่านั้นสงบนิ่งอยู่ในใจ

นวนิยาย: กาบแก้วบัวบาน (๖)

“เจ้าก็รู้” เวียงจันทราย้ำคำพูดเสียงแจ่มใส “ที่ตระหง่านอยู่ต่อหน้าเจ้า คือเจดีย์พ้นทุกข์ ใครก็ตามที่มุ่งสู่ทางพ้นทุกข์ แต่ละคนดั้นด้นมากราบไหว้องค์เจดีย์ นั้นคือภารกิจพวกเขา ส่วนจะพ้นทุกข์หรือไม่ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคน” ตวัดสายตากลับมาจ้องมองหน้าเหมราชเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ในดวงตา “ทั้งเจ้า ทั้งข้า ทั้งองค์เจดีย์และผู้มากราบไหว้ ล้วนแต่มีภารกิจด้วยกันทั้งนั้น และภารกิจยังไม่สิ้นสุด”

นวนิยาย : กาบแก้วบัวบาน (๕)

ข้าไม่มีเวลาได้ท่องเที่ยว ชายชุดขาวพูดด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง “บรรพบุรุษข้าเคยไปทวารวดี และศรีอโยธยา ปู่ข้าท่องลุ่มน้ำบางกอกมาแล้ว พ่อข้าบอกว่า เคยท่องเมืองล้านนา เมืองล้านช้าง แต่พ่อข้าห้ามนักห้ามหนา อย่าท่องเมืองรัตนโกสินทร์” หยุดหายใจ มองจ้องเข้าไปในดวงตาของเหมราชแล้วพูดเสียงหนัก ถ้ากรุงเทพฯ ที่เจ้าพูดถึงเป็นเมืองรัตนโกสินทร์ พ่อข้าห้ามไปเด็ดขาด

นวนิยาย: กาบแก้วบัวบาน (๔)

หลังจากเหมราชพลัดหลงมาอยู่ศรีโคตรบูรณ์ ได้เป็นสหายกับเจ้าเชียงรุ้งลูกชายเจ้าเมือง ตกลงรับรักกับเจ้าฟ้าคำหยาด เจอแต่เรื่องราวอันลึกลับงงงวย เหมราชเริ่มเป็นห่วงเรื่องทางบ้าน ธุรกิจ ญาติพี่น้อง เริ่มหาตู้โทรศัพท์เพื่อติดต่อกลับทางบ้าน แต่ไม่พบเจอแต่สิ่งไม่คาดคิดมากมาย พร้อมความในใจของสหายคนใหม่ เจ้าเชียงรุ้ง เหมราชจะรับมืออย่างไรดี

นวนิยาย : กาบแก้วบัวบาน (๓)

สักครู่ฝูงนกยักษ์ก็บินกลับมามืดฟ้ามัวดินเสียงปีกกระพือดังอื้ออึงทั่วท้องฟ้า พวกมันบินใกล้เข้ามาจนเหมราชเห็นถนัดตา แต่ละตัวใหญ่โตเหมือนช้าง ขนสีขาวสลับลายสีน้ำเงิน

นวนิยาย : กาบแก้วบัวบาน (๒)

เจ้าเชียงรุ้งเป็นใคร เหตุใดจึงมีน้ำใจให้เขามากมาย เจ้าเมืองเป็นใคร ทำไมจึงจัดพิธียิ่งใหญ่สำหรับเขา เมืองนี้เป็นเมืองอะไร และอยู่ที่ไหน ดื่มน้ำสวามิภักดิ์ต้องทำอย่างไร ทั้งที่มืดแปดด้าน เมื่อไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจไปร่วมพิธี

นวนิยาย: กาบแก้วบัวบาน (๑)

เหมราชไม่เคยพบเห็นงูใหญ่ขนาดมหึมาถึงปานนี้ ประหลาดนัก ตัวแรกใหญ่เกือบเท่าต้นตาลอีกสองตัวขนาดเท่าต้นไม้ข้างทาง ทั้งสามตัวเลื้อยหายไปในพงหญ้า ขืนชักช้าถ้าพวกมันเลื้อยกลับมาอีกมีหวังถูกมันกลืนลงท้องแน่ ๆ ตัดสินใจไม่ตามหาอีกแล้วหญิงสาวชุดดำ จึงเร่งเท้าเดินด้วยหวังจะกลับไปให้ถึงลานจอดรถโดยเร็ว ขณะกำลังเดินผ่านต้นไม้น้อยใหญ่เรียงรายอยู่สองข้างทาง เสียงไก่ขันสลับเสียงหมาเห่าดังขรมอยู่ข้างหน้า หมู่บ้านคงอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก ถึงจะมืดแต่ดวงจันทร์ส่องสว่างให้มองเห็นทาง ทั้งที่เย็นน้ำค้างและเหน็บหนาวลมดึก ใจกลับร้อนรุ่มคิดถึงรอยยิ้มของหญิงสาวชุดดำขึ้นมาอีก ฝืนตัดใจไม่คิดแต่ก็ยังคิด

ลายแถนฟ้า (ตอนที่ ๑๙)

ชาวปรางค์กู่รวมตัวกันมาประชุมที่ศาลากลางหมู่บ้าน กำนันทองหลางแม้จะเป็นประธานแต่ก็นั่งเงียบ พ่อเฒ่าคำผุยทั้งที่เป็นหมอจ้ำของหมู่บ้านก็เงียบอีกคน
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com