มั น ก ะ โ พ ด
สาวคูณนอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงพ่อว่า...มันกะโพด ก็รีบลุกออกจากที่นอน เข้าใจว่าพ่อบ่นให้ตนเอง ว่าคุยบ่าวดึกจึงตื่นสาย เมื่อสาวคูณออกมายังเฮือนเซีย เห็นผู้บ่าวครูนอนเปิดเผยจนน่าเกลียดอีก ก็กระแทกเสียงอุทานเหมือนกับที่พ่อแม่อุทานว่า “มันกะโพด !”
ฮีตเดือนเก้า
คำว่า ข้าวประดับดิน คือการดำนาโดยการเอาข้าวกล้ามาปักดำลงในนา ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการเอาต้นข้าวมาประดับดินให้ดูสวยงาม ทั้งตอนปักเสร็จแล้วใหม่ ทั้งตอนที่ต้นข้าวเขียวขจีทั่วท้องทุ่งทั้งตอนต้นข้าวออกรวงเหลืองอร่าม เมื่อถึงเดือน ๙ แรม ๑๔ คํ่า ชาวอีสานจะพากันทำบุญอย่างหนึ่ง เรียกว่า บุญข้าวประดับดิน หรือ บุญห่อข้าวน้อย ในวันเดือน ๙ ดับเท่านั้น เพราะในเดือนนี้พญายมบาลได้ปล่อยพวกสัตว์นรกออกมาหากิน หรือมารับส่วนบุญกับญาติพี่น้องที่โลกมนุษย์
คำผญา ปรัชญากวี : คนบนหลังเสือ
“เห็นว่าเสือแสนฮ้าย เสือมีลายก็ลายต่าง
ไผผู้ขึ้นขี่ได้ ใจต้องกล้ากว่าเสือ”
(กลอนห่อผญา)
ประวัติและที่มา ทำไมจึงปลูกบ้านขวางดวงอาทิตย์ได้
กาลอันล่วงเลยมาสามารถกำหนดช่วงเวลา กำหนดวัน กำหนดเดือน กำหนดปีที่เกิดเหตุการณ์ได้ และสามารถที่จะกำหนดเป็นศตวรรษได้ โดยเริ่มต้นจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีอยู่สมัยหนึ่งพระอินทร์ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งสิ่งทั้งมวลบนโลกพิภพ อีกทั้งยังเป็นจอมเทพแห่งเทวโลก มนุษย์โลก และสัตว์โลกทั้งหลายได้ตรวจตราดูโลก
ทำสีรถใหม่
พ่อเฒ่าลมเป็นคนขี้คุยมาแต่กำเนิด เรื่องบ่มีก่ะหา เรื่องบ่มาก่ะซอก จนคนในหมู่บ้านบอกกันไปทั่วว่า “ถ้าอีตาลมเว้าหยังออกมา ให้เอาห้า
สิบหารเด้อ!” ตามความเป็นจริงแล้ว พ่อเฒ่าลมก็ไม่ใช่คนกะล่อน จนเชื่อถือไม่ได้หรอก เพียงแต่แกเป็นคนขี้เล่น หาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสร้าง
ความสนุกสนานให้กับผู้ฟังเท่านั้นเอง
เมื่อฝรั่งตะลึงสยาม พยุหยาตราชลมารค
“ขบวนเรือหลวงมีเรือ ๗ ถึง ๘ ลำ มีฝีพายลำละ ๑๐๐ คน มีทหารประจำเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ ๔๐๐ คน ตามมาด้วยข้าราชบริพารอีก ๑,๐๐๐ ถึง ๑,๒๐๐ คน ซึ่งนั่งมาในเรือแกะสลักเป็นลวดลายลงรักปิดทอง บางลำก็เป็นเรือสำหรับพวกปี่พาทย์โดยเฉพาะ” ส่วนคนที่อยู่ในเรือก็ “...เห่เรือกันอย่างสุดเสียง ทั้งยังพายเรือด้วยความสง่างามเหมือนกับเป็นของง่าย...มันเป็นภาพที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ... มองไปทางไหนก็เห็นแต่เรือและผู้คน ผ่านไปมาในแม่น้ำอย่างไม่ขาดสาย”