พญาแถน, พญาคันคาก และบั้งไฟ
การทำบุญบั้งไฟ เป็นประเพณี เพื่อจุดบั้งไฟขึ้นไปบูชาไฟแก่เทพเจ้าบนสวรรค์ผู้ดูแลน้ำฟ้า ที่ชื่อว่า วัสสกาลเทพบุตร ถ้าทำถูกใจท่าน ท่านก็จะประทานน้ำฝนให้ตามฤดูกาล แต่ที่เป็นจารึกบนใบลานอักษรไทน้อย เป็นความเชื่อของคนลาวและไทยอีสานมากที่สุด เห็นจะเป็น นิทานเรื่องพระยาแถนและนิทานเรื่องพระยาคันคาก เป็นนิทานลาวที่แพร่หลาย นับเป็นตำนานของการทำบุญบั้งไฟ ในลาวและในอีสานของไทย
ทองอินทร์ ภูริพัฒน์ บทบาทนักการเมืองอีสานในอดีต
“หัวเมืองไม่ได้รับการบำรุงอย่างใดเลย ปล่อยตามธรรมชาติ แต่มองดูมณฑลชั้นในโดยเฉพาะจังหวัดพระนคร จะเห็นว่าถูกบำรุงอย่างฟุ่มเฟือยในเมื่อเทียบกันข้อนี้ชาวหัวเมืองได้พร่ำร้องมานานนักหนาแล้ว” จากประสบการณ์อันยาวนานที่ นายทองอินทร์คลุกคลีในภาคอีสานตั้งแต่เกิด เติบโต และทำงานในภูมิภาคแถบนี้ จึงทำให้เขาแน่ใจเหลือเกินว่า “ภูมิภาคแถบนี้อาภัพ เป็นลูกเมียน้อย”
ชวนตะลึง! ลึงคบูชา ราชันย์ภิเษก (๒)
ห้องศิลป์อีศาน ฉบับที่แล้ว ผมเล่าเรื่องลัทธิบูชาเทวลึงค์ในฐานะที่เป็นบุคลิกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์กัมพูชา ในยุครุ่งเรืองสมัย
เมืองพระนคร (Angkor Period) ด้วยความเชื่อว่าความรุ่งเรืองของอาณาจักรขึ้นอยู่กับราชลึงค์อันสำคัญนี้ วิหารที่เก็บศิวลึงค์ต้องอยู่บนยอดเขา เป็นทำนอง “ภูเขาวิหาร” อาจเป็นภูเขาธรรมชาติ หรือจำลองขึ้นก็ได้ โดยตั้งอยู่กลางนครหลวง ที่ตรงนี้จะได้รับการเชื่อถือว่าเป็นแกนแห่งจักรวาล
ลานข่วงกวี : ผ้าไหมหนองปลาหมอ, บ้านเกิดเมืองนอน
สองมือพือพ่างอ้าง
ทางต่ำตามศิลป์
อวดองค์ลงลายมัด
หมี่ไหมมวลล้วน
ดีคนด้าม
งามหลายคนละต่ง
จินตนาการเลิกล้ำ
เห็นแล้วเล่าสะออน
คำโตงโตย ทางอีศาน 74
“ชาติที่เกวียนแปลงแล้วดูงามทุกสิ่งจริงแล้วงัวหม่อมพระนางบ่เทียมแก่ให้สะเทิ้นค้างอยู่เอง ดอกนา”โบราณ
หมอลำกับลำตัด คนละยุคคนละอย่าง
หมอลำ เป็นคำประสมระหว่าง หมอ กับ ลำ (หมอ แปลว่า ผู้ชำนาญ, ลำ แปลว่า การเปล่งเสียงและถ้อยคำเป็นทำนองอย่างเสรี มีความยาวไม่กำหนดตายตัว โดยเน้นถ้อยคำเป็นหลักมากกว่าทำนอง มักเล่นเล่าเรื่องเป็นนิทานตำนาน และเล่นโต้ตอบระหว่างหญิงกับชาย)