ทางอีศาน 72 : ปิดเล่ม
ชื่อว่าโลกีย์กว้างเมืองคนมันบ่เที่ยง มันหากเงี่ยงช้อยง้อยคือค้อยตลิ่งของ ลางเทื่อศิษย์กลับได้เป็นครูสอนสั่งก็มี ลางเทื่อลุกออกก้นสอนฉ้อพ่อแม่คีง ลางเทื่อแนวเด็กน้อยสอนคนหัวด่อนก็มี ลางเทื่อลูกไพร่บ้านสอนท้าวบ่าวพญาก็มี
บทกวี หินหายใจ
เมื่อหินไม่ใช่หิน
แอบซ่อนศิลปะเสริม
ธาตุแท้แต่ดั้งเดิม
ได้พูนเพิ่มเติมความหมาย
เหลือซากร่วมฝากทรง
ความสูงส่งแห่งผงทราย
แตกดับเกินลับหาย
แตกช่อลายขึ้นหายใจ
คำโตงโตย
ยำกกให้ยำเหง้า
ยำเงาให้ยำง่า
(โบราณ)
ทางแห่งเรา
ดวงตาฉันเฝ้ามองดาวบนราวฟ้า
หัวใจฉันไขว่คว้าหาความหมาย
สองขาออกเดินทางไม่เดียวดาย
ด้วยฉันมีมิตรสหายทุกรายทาง เราติดตามแสงดาววาววิบนั่น
ไม่หวาดหวั่นอุปสรรคจักกั้นขวาง
แม้เมฆบดบังแสงดาวสลัวลาง
ใจแห่งเราสุกสว่างเส้นทางเรา.
ทางอีศาน 30 ปิดเล่ม : ตถตา…เป็นเช่นนั้นเอง
โลกย์เต็มไปด้วยความทุกข์ มันเป็นเช่นนั้นเอง... แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็มิใช่ว่าเราจะปล่อยตัวไปตามโลกย์ เมื่อความเลวยังมากมีในบ้านเมือง คนดีก็ต้องค้าน ต้องต้านความเลว ทำดีมิใช่เพื่อได้ดี เราทำดีเพื่อรักษาความดี เพื่อต่อต้านความเลวมิให้ครอบงำสังคมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด การทำงานของพวกเรา ทางอีศาน ถือหลัก เห็นยาวดีกว่าสั้น
มั น ก ะ โ พ ด
สาวคูณนอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงพ่อว่า...มันกะโพด ก็รีบลุกออกจากที่นอน เข้าใจว่าพ่อบ่นให้ตนเอง ว่าคุยบ่าวดึกจึงตื่นสาย เมื่อสาวคูณออกมายังเฮือนเซีย เห็นผู้บ่าวครูนอนเปิดเผยจนน่าเกลียดอีก ก็กระแทกเสียงอุทานเหมือนกับที่พ่อแม่อุทานว่า “มันกะโพด !”