กมล ชาวงษ์
“ถ้าไม่รวยจะไม่กลับบ้าน”
วันนี้มาส่งสการลูกชายป้า อายุ 59 ปี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ที่วัดธรรมสุขใจ (ซอยสามัคคี) อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
น้องชายคนนี้ได้ใช้ชีวิตไร้เดียงสาในวัยเยาว์อย่างเต็มที่ ชื่นชอบด้านงานศิลปะ รักดนตรี มีเอลวิส เพรสลีย์ เป็นไอดอล
เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาที่บ้านเกิด อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จบ ปวส. ที่ จ.นครราชสีมา โดยมาพักอาศัยอยู่ในความดูแลคุณอา จบปริญญาตรีที่ ม.ราชภัฏวลัยอลงกรณ์ เมื่อมีกิจการงานมั่นคงแล้วที่ กทม.
เมื่อจบ ปวส. ทำงานในสังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนตัดสินใจไปหางานทำที่ กทม. ด้วยแรงแสวงหา ความมุ่งมั่น และปมในใจบางอย่าง ก่อนออกเดินทางจึงได้บอกกับพี่ ๆ ว่า “…ถ้าไม่รวยจะไม่กลับบ้าน”
แล้วเขาก็หายไปหลายปีโดยไม่ส่งข่าวถึงทางบ้านเลย ผู้ที่ร้อนใจที่สุดคือแม่
ชีวิตใน กทม. กมลอาศัยอยู่กินกับครอบครัวของเพื่อน เช้ากินข้าวแล้วออกไปทำงานโดยมีเงินพกติดตัวเพียงค่ารถไปกลับ ถึงเวลาพักกลางวันได้อาศัยดื่มกาแฟรองท้อง วันไหนมีงานทำล่วงเวลาถึงสองทุ่มถือว่าโชคช่วยเพราะโรงงานมีมื้อค่ำเลี้ยง
ช่วงนี้เองที่พี่สาวคนหนึ่งได้พบน้องชายอย่างอัศจรรย์บังเอิญ ขณะที่พี่สาวเดินผ่านป้ายรถเมล์ช่วงสวนจัตุจักร มีรถเมล์คันหนึ่งบรรทุกผู้โดยสารมาเต็มแน่น แน่นจนล้น ล้นจนผู้โดยสารต้องเกาะโหนหน้าประตู ใช้เท้าข้างเดียวเหยียบบันใดรถ แว็บที่พี่สาวมองเห็นสภาพดังกล่าวพลันนึกถึงน้องชายที่จากบ้านเข้า กทม.มาหลายปีแล้ว ครั้นเพ่งมองไปในกลุ่มคนนั้นก็เห็นหน้าน้องชายตน จึงรีบกวักมาเรียกให้กระโดดลง เมื่อถามไถ่กันถึงชีวิตความเป็นอยู่และการงานแล้ว ก่อนจากกันพี่สาวถามขึ้นอีกว่ามีเงินติดตัวเท่าใหร่ กมลควักแบงก์ร้อยออกมาให้ดู
และในช่วงนี้เอง มีสาวที่ทำงานโรงงานด้วยกันคนหนึ่ง ได้จับสังเกตเห็นหนุ่มโรงงานนายหนึ่ง เมื่อยามพักเที่ยงดื่มแต่กาแฟไม่เคยเห็นกินข้าว ด้วยความสงสัยจึงสอบถาม จากสงสัยพัฒนาเป็นเห็นใจ ได้ดูแลช่วยเหลือ กระทั่งเกิดเป็นความรักและครองคู่ชีวิตกันมา
ต่อมาเมื่อกมลเข้าทำงานบริษัทของญี่ปุ่น ได้รับผิดชอบตระเวนออกดูหน้างานตามสถานที่ต่าง ๆ เขาไม่เพียงตามงาน แต่ในฐานะหัวหน้ายังได้หางานใหม่มาให้บริษัทฯด้วย ซึ่งแทนที่เพื่อนร่วมงานที่นั่งประจำในสำนักงานจะดีใจ กลับรู้สึกว่าเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัว
กมลลาออกมารับงานทำด้วยตนเอง จังหวะสร้างความมั่นใจครั้งแรกเมื่อเพื่อนให้เงินสองแสนเป็นค่าก่อสร้าง จังหวะที่สองเมื่อนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ชอบบุคลิกหน่วยก้านการทำงานของเขา ได้ตามหา เมื่อพบก็มอบความไว้วางใจให้รับเหมางานต่าง ๆ และได้แนะเคล็ดลับให้เขาว่า ต้องเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้ให้ดูภูมิฐาน และต้องหัดตีกอล์ฟ
ปี 2547 กมลจัดตั้งบริษัทฯของตนขึ้น เริ่มต้นรับงานเดินระบบไฟฟ้า ต่อมาเพิ่มงานติดตั้งแอร์ งานก่อสร้างโรงงาน ก่อสร้างสำนักงาน และสร้างห้องแลปห้องวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ผลงานของเขามีคุณภาพตามมาตรฐานสากลและตามความพอใจของลูกค้า
กมลเป็นคนธัมมะธัมโม ชอบสวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาเป็นปกติ เข้าวัดทำบุญ บำรุงพระพุทธศาสนามิได้ขาด มีความกตัญญูต่อบุพการี เกื้อกูลญาติมิตร เอื้ออารีต่อพนักงานตลอดถึงครอบครัว
ปัจจุบันบริษัทฯของกมลมีคณะผู้บริหารและพนักงานประจำร่วม 200 คน ในงานวันนี้มีพนักงานบวชอุทิศส่วนกุศลให้เขา 22 คน และก่อนเวลาฌาปนกิจพนักงานทั้งหมดได้ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตนต่อจิตวิญญาณของคุณกมล ชาวงษ์ ประธานบริษัท กมล แอนด์ คิน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีความดังนี้
“ข้าพเจ้า (ชื่อพนักงาน……) ขอสัญญาว่า จะปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น สร้างสรรค์ ขยัน อดทน อย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ได้รับซึ่งการสนับสนุนจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
เราสัญญาว่า จะรักษาความสัมพันธ์ที่เที่ยงตรง และยุติธรรม เพื่อให้บริษัท กมล แอนด์ คิน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และลูกค้า ได้พัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน
เราสัญญาว่า จะมอบความมั่นใจและความภาคภูมิใจให้ทุกคน และทำให้พนักงานและครอบครัวมีความสุข
เราจะสืบทอดเจตนารมณ์ จิตวิญญาณของคุณกมล ชาวงษ์ จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยมองภาพรวมของบริษัทฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการบริหารงาน”
กล่าวคำปฏิญาณหน้าศพเสร็จสิ้น ผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯได้กลับหลังหันมากล่าวขอบคุณแขกที่ให้เกียรติมาร่วมงานและเป็นสักขีพยานในการกล่าวปฏิญาณ.