แท้เธออาจอ่อนไหวโลกใบนี้
ลุหม่นไหม้ฤดีและเหน็บหนาว
กี่ฝาดขมต่อเนื่องหลากเรื่องราว
กี่น้ำตาจากดวงดาวเคยหลั่งลง
แท้เราถือปรัชญาน้ำตาหยด
ในทั้งหมดปิติ-เศร้า ที่เราหลง
มีเดือนเพ็ญ ดาวจะร้างห่างไพรพง
เช่นเราคง ควรเข้าใจ ไม่สมบูรณ์
รับสิ่งหนึ่งอาจสูญเสียอีกสิ่งหนึ่ง
คว้างก้นบึ้งหัวใจอาจไร้สูญ
ในถ้อยสนทนาความอาดูร
เรากลับคูณสิ่งเศร้า อีกเท่าตัว
ในถ้อยสนทนาตาคู่เก่า
ใช่ไหมเคยสูญเปล่า…เงายิ้มหัว
เรามองผ่านสระสวยงามด้วยความกลัว
เพียงใจมัว จำ-เจ็บ-ล้ม-ต่อลมลวง
ก่อนม่านมุขน้ำตา จะหยาดริน
เราเคยชิน ปริ่มยิ้มจากแดนสรวง
อ่อนหวาน จากตะวันโดยทั้งปวง
เมื่อลับล่วง…เรารวดร้าวเราอาลัย
เราลืมรัก ของปรัชญาน้ำตาหยด
ล้วนคือความหมดจดปรัชญาใหม่
เราเรียนรู้ความว้าเหว่อยู่ภายใน
ต่างเรียนรู้เสียงร่ำไห้แห่งวัยวัน
ว่า บางทางเท้าเราก็เปล่าว่าง
เพียงพริบตาอาจไร้ร้างเส้นทางฝัน
และเรารู้ในขณะเช่นเดียวกัน
ความสุขพลันกะพริบตา…นำพาเรา
ใช่เนิ่นนาน…ขื่อคาน้ำตาร่วง
ใช่ดวงดาวทุกดวงจะร่วง-เหงา
ใช่ก้อนเมฆทั้งฟ้าจะสีเทา
ใช่นานเนาไร้พบพาน…ม่านดอกไม้
ใช่ก้อนเมฆทั้งฟ้าจะสีเทา
ใช่น้ำตาหยาดเศร้า…จะเศร้านาน…
ริมฝั่งทะเลอันดามัน
1 มกราคม 2562
“ณ ดาว ลูกจันทร์”
ขอบคุณภาพจาก https://pixabay.com/