ปิดเล่ม ทางอีศาน ๑๒๑
การใช้ชีวิตทุกวันนี้ เอาแค่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติก็อยู่ยากแล้ว เหมือน ๆ จะรู้ที่มาที่ไปของปัญหา แต่นับวันยิ่งปั่นป่วนผันแปร
มีการพูดเล่นกันมานานแล้วว่า บ้านเมืองเรามี ๓ ฤดู “ร้อน ร้อนมาก และร้อนมากที่สุด” หรือ “ร้อนมาก ฝนมาก หนาวมาก” หรือ “ร้อนฝน ฝนร้อน หนาวฝน” พูดให้ถึงที่สุดคือ มีความผิดปกติ มีความไม่พอเหมาะพอดี หรือกำลังจะไม่เหลือความเป็นมิตรระหว่างธรรมชาติกับคนอีกแล้ว
สาเหตุก็รู้กันถ้วนทั่วแล้ว มีก๊าซเรือนกระจกปกคลุมชั้นบรรยากาศเหนือผิวโลก ทำให้ดาวโลกไม่สามารถระบายความร้อนที่ได้รับจากรังสีดวงอาทิตย์ออกไปได้ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้เผาป่า การเลี้ยงสัตว์แบบอุตสาหกรรม ฯลฯ ที่ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมือของคน ของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนักการเมืองผู้ไร้คุณธรรม เกิดจากนักอุตสาหกรรมที่โลภมาก
ต้นเดือนที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้หลายคนถึงกับอุทานว่า “หนาวเมษา” ถือเป็นสภาพอากาศที่ไม่เคยเกิดขึ้น
นักอุตุนิยมวิทยาเล่าบอก… ปกติดาวโลกของเรามีกำแพงลมเสมือนปราการธรรมชาติขังไอเย็นไว้ที่ขั้วโลก ผลพ่วงของภาวะก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้โลกร้อน ทำให้อุณหภูมิความเย็นขั้วโลกเหนือและใต้ลดลง หรือไอร้อนจากภายนอกเข้าไปเบียดรุกให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย
…สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้กระแสลมที่พัดทวนเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วเฉลี่ย ๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง และปกติพัดที่ความสูงจากผิวดินรอบเขตทั่วโลก ๑๐ กิโลเมตรเกิดสะดุด กำแพงลมที่ขั้วโลกจึงยืด ๆ หด ๆ เข้า ๆ ออก ๆ จึงทำให้ไอเย็นขยายออกตามการยืดหดนั่นเอง
ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศเช่นนี้ ขณะโรคห่าตำปอดยังระบาดทั่วโลก การสู้รบที่ยูเครนจะขยายตัวอีกหรือไม่ ที่แน่ ๆ ได้ทำให้เกิดภาวะข้าวยากไข่น้ำมันแพงขึ้นแล้ว ก็ย่อมส่งผลถึงราคาของกินของใช้ทุกอย่าง
ดังนั้น จะปลูกฝังจะทำการงานใด ๆ เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ด้วย เลิกปลูกพืชเชิงเดี่ยว คิดพิจารณาให้มีหลักมีรอง ที่สำคัญยิ่งยวดคือ อย่าเป็นหนี้ อย่าขายขี้ดินกิน เพราะจะทำให้ตีนลอย แล้วชีวิตไม่เหลืออะไรเลย