บางท่านอาจมองว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่…
เพราะผ่านการเลือกตั้งแล้ว
คอลัมน์นี้เขียนก่อนวันเลือกตั้ง และไม่รู้ผลการเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ยังเชื่อว่า “เมืองไทยก็ยังคือเมืองไทย”เมืองไทยจะยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพเพราะการเลือกตั้งครั้งนี้หรอก
แต่ไหน ๆ มีการเลือกตั้งแล้วทั้งที ก็น่าจะมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงทางปริมาณบางด้านกันบ้าง บางเรื่องเป็นเรื่องดี มีประโยชน์ต่อประชาชนไม่ควรทิ้งไปเฉย ๆ
หากเป็นเรื่องดีมีประโยชน์ต่อมวลประชาชนก็ควรรับมาทำ แม้ต้นตอแนวคิดจะเป็นของคนอื่นแต่เพื่อประโยชน์ของมวลประชาชน ใครรับมาทำก็เป็นเรื่องดีเรื่องมีประโยชน์ ไม่ควรทิ้งไป
การเลือกตั้งครั้งนี้ เกิดพรรคการเมืองมากกว่าหนึ่งร้อยพรรค พรรคการเมืองก็ต้องใช้จ่ายไปไม่น้อย ใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อจัดการเลือกตั้งก็มากมาย ประเทศเสียค่าใช้จ่ายไปมากมาย บางคนก็อาจจะถามว่าเราได้อะไร คุ้มไหม
สิ่งมีค่าที่ได้จากการเลือกตั้งไม่ใช่พรรคการเมืองไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
สิ่งมีค่าที่จะได้มาคือ “ความคิด” ความคิดทางประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ความคิดความเชื่อในเรื่องการกระจายอำนาจ ซึ่งการใช้ ความคิดเหล่านี้ได้ถูกต้องจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมไทยมาก
ความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการกระจายอำนาจแม้จะแพร่หลายมากขึ้น แต่ความเข้าใจต่อเรื่องนี้อย่างถูกต้องก็ยังน้อย การสร้างระบบการกระจายอำนาจจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ดูเหมือนว่าสังคมไทยจะแยกเรื่อง สร้างความเป็นประชาธิปไตย กับเรื่องการกระจายอำนาจออกจากกัน ทั้ง ๆ ที่โดยแก่นลึกแล้วมันเป็นเรื่องเดียวกัน
การกระจายอำนาจให้ชุมชนก็คือการสร้างภาวะความเป็นประชาธิปไตย สองรื่องนี้มีรูปธรรมต่างกัน มีขนาดต่างกัน แต่โดยแก่นแท้แล้วเหมือนกัน
ประชาธิปไตยนั้นมิใช่มีการเลือกตั้งเป็นแก่น ประชาธิปไตยนั้นมีการกระจายอำนาจเป็นแก่น