สัมภาษณ์ คุณวรพันธ์ โลกิตสถาพร “สถาพรบุ๊คส์”

คุณวรพันธ์ โลกิตสถาพร
กับ “ธุรกิจทางปัญญา”
ก้าวที่ ๑๔ ของ “สถาพรบุ๊คส์”
ทางอีศาน ฉบับที่ ๑๑ ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๖
คอลัมน์: สัมภาษณ์
Column: Interview
ผู้เขียน: กอง บก.

e-shann11_interview

๑๔ ปีที่ผ่านมา…
พ.ศ. ๒๕๔๓ ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเริ่มฟื้นตัวจากภาวะฟองสบู่แตกในวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ธุรกิจเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในนาม บริษัทสถาพรบุ๊คส์จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้น ครั้งนั้นแม้จะเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่ด้วยความสามารถของนักบริหารระดับมืออาชีพ และหัวใจที่มุ่งมั่นของผู้ก่อตั้งอย่าง คุณวรพันธ์ โลกิตสถาพร ก็ทำให้บริษัทฯ แห่งนี้ค่อย ๆ เติบโตขึ้นและหยั่งรากลึกลงบนถนนสายธุรกิจอย่างสง่างาม กระทั่งสามารถก้าวขึ้นมายืนในระดับแถวหน้าของวงการหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ไทยได้อย่างมั่นคงในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการ บวกกับวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับ “ธุรกิจทางปัญญา” ให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพทางปัญญาของคนในสังคม ทำให้คุณวรพันธ์ได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นมา

และนี่คือ “ความในใจ” ของ คุณวรพันธ์ โลกิตสถาพร ผู้บริหารอารมณ์ดี ซึ่งมีมุมมองชีวิตในด้านบวกเสมอ ที่จะมาเผยถึง “ก้าวใหม่” ในปีที่ ๑๔ ของ “สถาพรบุ๊คส์” ในวันนี้

“เสริมสร้างนักเขียน เคียงข้างนักอ่าน” …สัจจะแห่งพันธกิจ

“สิ่งที่เราทำมาอย่างต่อเนื่องและถือเป็นพันธกิจของเราก็คือ เราพยายาม ‘เสริมสร้างนักเขียนเคียงข้างนักอ่าน’ มาโดยตลอด เรามองอย่าง ‘ต้นน้ำ-ปลายน้ำ’ โดยเราคิดเสมอว่านักเขียนเป็นต้นน้ำ เป็นจุดกำเนิดของงานหนังสือ ถ้าขาดเขา เราก็อยู่ไม่ได้ ส่วนนักอ่านถือเป็นปลายน้ำ ถ้าไม่มีผู้อ่านก็ไม่มีผู้ซื้อ แล้วถ้าไม่มีคนอ่าน หนังสือก็ไร้ค่า ภารกิจเพื่อ ‘เสริมสร้างนักเขียน’ ที่เราทำมาตลอดคือ เราให้การสนับสนุนนักเขียนหน้าใหม่ ๆ มีการจัดอบรมพัฒนานักเขียน สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเขียนและนักอ่านอยู่เสมอ ส่วนภารกิจ ‘เคียงข้างนักอ่าน’ ก็คือเราได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง การที่เราจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้นมานี้มันมากกว่าการหวังจะขายของอย่างเดียว เพราะเราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเพียงคนขายหนังสือเท่านั้น แต่เรามุ่งหวังให้สถาพรบุ๊คส์เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและสร้างวัฒนธรรมในการอ่าน สร้างนิสัยรักการอ่านให้กับคนในสังคมด้วย”

สาระ สนุก สุขใจ…กับเป้าหมายในอนาคต “๕๐ : ๕๐”

“อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าเราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเพียงคนขายหนังสือเท่านั้น แต่เรายึดมั่นในพันธกิจ ถือเป็นพันธะในกิจการของเรา นั่นคือการทำหนังสือดี ๆ ซึ่งคำว่า ‘หนังสือดี’ สำหรับเราคือต้องประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ สาระ สนุก สุขใจหมายความว่าหนังสือของเราจะต้องได้สาระ ได้ความสนุก ไม่ใช่อ่านแล้วเบื่อหรือหลับ ที่สำคัญอ่านแล้วต้องอิ่มเอมใจ ทั้งสามส่วนนี้จะประกอบกันในสัดส่วนที่มากหรือน้อย ก็อยู่ที่ว่าหนังสือเล่มนั้น ๆ มีเนื้อหาในแนวไหน และทำเพื่อให้วัยใดอ่าน

ฉะนั้นเป้าหมายที่เราวางไว้ก็คือ เราอยากให้หนังสือที่ออกมา ครึ่งหนึ่งเป็นหนังสือฝั่งบันเทิงคดีครึ่งหนึ่งเป็นฝั่งสารคดีที่ให้ความรู้ แล้วเราก็มาคิดว่า จากสมัยก่อนเรามีบันเทิง ๘๐ สาระ ๒๐ ต่อมาก็บันเทิง ๗๐ สาระ ๓๐ จากนั้นก็ปรับเป็นบันเทิง ๖๕ สาระ ๓๕ จนถึงตอนนี้เราสามารถจัดสัดส่วนเนื้อหาได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้แล้ว คือ ๕๐ : ๕๐ สมมุติหนังสือ ๓๐๐ ชื่อเรื่อง ก็จะเป็นหนังสือฝั่งบันเทิงคดี ๑๕๐ เรื่อง และฝั่งสาระ ๑๕๐ เรื่อง

หนังสือของเราที่อยู่ในฝั่งบันเทิงคดี ส่วนใหญ่เป็นนวนิยายต่าง ๆ จากสำนักพิมพ์ในเครือบริษัทเช่น พิมพ์คำสำนักพิมพ์, Sugar Beat, มายดรีม ส่วนหนังสือที่จัดอยู่ในฝั่งสาระความรู้ก็มาจาก สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์, ธรรมสถาพร, B-BRIGHT และ เพชรการเรือน เนื้อหาก็จะมีความหลากหลาย เช่น หนังสือเด็กประกอบการเรียนรู้ หนังสือสารคดี หนังสือการงานอาชีพ หนังสือแนวปรัชญาธรรมะ หรือหนังสือแนว How To เหล่านี้ถือเป็นหนังสือในฝั่งสาระ แต่แม้จะเป็นหนังสือในฝั่งสาระเราก็ต้องทำให้น่าอ่าน น่าสนใจ เข้าใจง่าย และให้อ่านง่ายขึ้น”

“ธุรกิจทางปัญญา” สมดุลในความแตกต่าง

“เราคิดว่าเราทำธุรกิจก็จริง แต่หนึ่ง…เป็นธุรกิจทางปัญญา สอง…สิ่งที่เราทำมันเป็นการเกื้อกูลสังคม สาม…เราเชื่อว่ากลไกราคามันทำงานก็คือราคาถูกคนซื้อ ราคาแพงคนหนี การซื้อหนังสือก็เหมือนกับการซื้อของอย่างอื่น ผู้ซื้อก็ต้องดูเงินในกระเป๋าเหมือนกัน ถึงแม้อยากอ่านอยากซื้อ แต่ราคาแพงไป คนซื้อก็ต้องไปหาทางเลือกอื่นดังนั้น แนวทางหรือนโยบายราคาหนังสือของเราคือ ทำยังไงที่จะไม่ต้องขึ้นราคาหนังสือ แล้วจะทำยังไงให้ราคามันถูกลงไปอีก

อย่างหนังสือในกลุ่มธรรมะหรือ How To เราอยากให้คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการคิด ได้เข้าถึงข้อมูลที่จะเสริมสร้างวิธีคิดให้มาก ๆ ดังนั้นจะเห็นว่าหนังสือแนวธรรมะและ How To เราจะตั้งราคาต่ำ ต่ำมากกว่าปกติ และต่ำกว่าราคาตลาดด้วยเราถือว่านี่เป็นการเจือจุนสังคม เราอยากให้คนอ่านหนังสือ เพราะเรามีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าสังคมไทยประกอบด้วยสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันที่จะเยียวยาจิตใจของคนได้ดีที่สุดก็คือสถาบันศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธซึ่งอยู่มาแล้วเกือบ ๒,๖๐๐ ปี

ทุกวันนี้เราพยายามเป็นส่วนหนึ่งของสังคมด้วยการส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ เราเป็นหน่วยธุรกิจหน่วยหนึ่งที่ขอมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศชาติผ่านหนังสือ เราสร้างคนด้วยการผลิตหนังสือที่ดีมีคุณภาพให้กับสังคม เพื่อให้หนังสือไปสร้างคน เพื่อให้คนไปสร้างชาติต่อไป คนเราสามารถเรียนรู้ได้หลายวิธี ฟังก็ได้ ดูก็ได้ แต่เรามีหนังสือ เราก็อยากให้คนอ่านหนังสือดี ๆ เพื่อให้เกิดความคิดดี ๆ

ในบ้านเราทุกวันนี้ ยิ่งเศรษฐกิจเติบโตก็ยิ่งเกิดช่องว่างระหว่างรายได้ เกิดช่องว่างระหว่างฐานะมากขึ้น อันนี้จะกลายเป็นปัญหาในอนาคต สิ่งที่เราคิดมาตลอดคือ ทำยังไงเราจึงจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่ปิดช่องว่างทางสังคม ปิดช่องว่างในด้านโอกาส ซึ่งผมเชื่อว่าคนทุกคนเท่าเทียมกันไม่ได้โง่หรือฉลาดต่างกันเลย เพียงแต่ว่าโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลความรู้ของคนบางกลุ่มมีน้อยกว่าเราไปเติมโอกาสให้เขาได้มั้ย เพื่อให้คนเหล่านี้มีโอกาสที่จะได้พัฒนาตนเอง…ทำยังไงให้เราเติบโตไปได้ และทำยังไงให้คนอื่นเขาได้เติบโตตามเราไปด้วย นี่คือสิ่งที่เราคิดและพยายามทำมาตลอด”

“สูตรสำเร็จ” สู่ “ความสำเร็จ”

“เราทำงานอย่างมีวินัย มีความเพียร และอาศัยความอดทน ต้องถามตัวเองเสมอว่าวันนี้เราประสบความสำเร็จหรือยัง ถ้ายังเราก็ต้องพยายามทำให้มากขึ้น ต้องอดทน มีวินัย มีความเพียร และที่สำคัญคือเราต้องประมาณตน มีคนถามว่าเราใหญ่ไหม ความจริงเราไม่ใหญ่ เอาเป็นว่าเราอยู่ในระดับกลาง ๆ กลางใหญ่ก็ได้ หรือถ้าใหญ่ก็เป็นใหญ่เล็ก แต่สุดท้ายจะใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญสำคัญที่ว่าเราทำอะไรอยู่ หัวใจของการทำสิ่งใดก็ตามคือ ทุกขณะเราจะต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เราต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ที่ผ่านมาถือว่าเราไม่เคยก้าวพลาดครั้งใหญ่ก็ว่าได้ นั่นเพราะเราก้าวเดินด้วยความรอบคอบเสมอ เรามักจะเรียนรู้จากความสำเร็จ แต่จริง ๆ แล้วบ่อยครั้งที่เราต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น

ทุกวันนี้สถาพรบุ๊คส์เราทำงานด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รับผิดชอบต่อพันธกิจที่ตั้งไว้…นี่เองคือความหมายของคำว่า รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ อันนี้สำคัญนะ เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวเรามีคนที่ต้องทำงานร่วมกันอยู่เยอะ ดังนั้นแต่ละคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี

ที่ผ่านมามีไอเดียหนังสือหลาย ๆ แนวที่สถาพรบุ๊คส์เราถือเป็นผู้ริเริ่มนำเสนอ เป็นผู้สร้างสรรค์ใหม่ แต่อีกสักพักก็มีคนทำเลียนแบบหรือเราเองอาจทำต่อยอดของเราขึ้นมาอีก ซึ่งผมมองว่านี่เป็นข้อดี เพราะเท่ากับเราได้ยกระดับความคิดของคนอื่นให้มาเสมอเรา แต่สุดท้ายเราก็ต้องหาอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาอีก เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมให้สูงขึ้นต่อไป ดังนั้นเราไม่ใช่แค่ยกระดับตัวเองขึ้นมาเท่านั้น แต่เรายกระดับอุตสาหกรรมทั้งระบบขึ้นมาเลย เราเป็นตัวขับเคลื่อน เป็นตัวอย่าง และเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยเราไม่ได้หวงความคิด เราเปิดเผยถึงสิ่งที่เราจะทำเพราะเราอยากให้คนอื่นได้มาร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาเยอะ ๆ เพราะมันจะกลายเป็นการทำของดี ๆ ให้กับนักอ่าน นักอ่านจะได้ไม่เบื่อ เพราะนักอ่านก็ต้องการความหลากหลายเช่นกัน

วงการสื่อสิ่งพิมพ์ที่มันมีเสน่ห์ มันอยู่ได้ก็เพราะมีความหลากหลายนี่เอง ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอความหลากหลาย เราไม่ได้เก่งทุกอย่าง อาจมีคนที่ทำออกมาดีกว่าเราก็ได้หลังจากเห็นสิ่งที่เราทำ หรือเราอาจเห็นของคนอื่นเขาทำแล้วเรามาทำให้มันดียิ่งขึ้นกว่าเดิมก็ได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันเป็นแรงผลักซึ่งกันและกัน มันมีความเป็นอิสระ ขึ้นอยู่กับว่าเรามองมันเป็นบวกหรือเป็นลบ ถ้าเรามองด้วยความอิจฉาริษยา ก็จะเห็นกลุ่มธุรกิจอื่นเป็น “คู่แข่ง” มันก็เป็นลบ แต่ถ้าเรามองว่าทุก ๆ ฝ่ายคือ “เพื่อนคู่ค้า” และมองงานของคนอื่นด้วยมุมมองที่อยากสร้างสรรค์ต่อยอดให้ดีขึ้น ก็เป็นการมองในด้านบวก นี่เป็นแนวคิดที่เราใช้มาตลอด ๑๓ ปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ผมยึดมั่นเสมอ ถือเป็นหลักการส่วนตัวของผมก็คือ…ยิ่งทำงานยิ่งมีความสุข การทำงานคือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องเข้าวัดเสมอไป ธรรมะคือธรรมชาติ เราทำงานด้วยความเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง…เท่านั้นเอง”

ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักอ่านทั่วประเทศ กับทั้งความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ได้รับจากภาคธุรกิจด้วยกัน ย่อมเป็นสิ่งการันตีได้ว่า ณ วันนี้ “สถาพรบุ๊คส์” ประสบความสำเร็จอย่างงดงามแล้วในระดับหนึ่ง แต่หากถามว่าบนแท่นที่ยืนอยู่ในวันนี้ คือจุด “สูงสุด” หรือยัง ?

ตราบใดที่เท้ายังก้าวเดิน บันไดแห่งความสำเร็จก็จะยังคงทอดยาวต่อเนื่องไปไม่สุดสิ้น และความหมายของคำว่า “ที่สุด” ก็ย่อมไร้ซึ่งขีดจำกัดเช่นกัน… นั่นคือคำตอบสำหรับอนาคตของ “สถาพรบุ๊คส์” ภายใต้การนำของ คุณวรพันธ์ โลกิตสถาพร ผู้นี้

Related Posts

(กลอนไขผญา) ลิง
ฮีตคอง แผนที่ชีวิต เข็มทิศชุมชน
อองรี มูโอต์ (Henri Mouhot) ผู้เปิดดินแดนอินโดจีนสู่สังคมโลก

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com