ส่งท้าย ปี ๒๕๖๓
เริ่มมาจากต้นปีถึงวันนี้ไม่มียาป้องกันรักษา ทั้งดูทีท่ามันจะปรับตัวอยู่กับมนุษย์โลกไปชั่ว
กัลปาวสาน ก็คือ เชื้อไวรัสโควิด-19
“โควิด-19” นอกจากผลาญคร่าชีวิต สร้างปัญหาสุขภาพและท้าทายต่อวงงานสาธารณสุขทั้งมวลแล้ว มันยังก่อเกิดมหาวิกฤติเศรษฐกิจและสังคม ถึงขั้นคนต้องปรับสร้างพฤติกรรมใหม่ ๆ ขึ้น
เริ่มสะสมหมักหมมปัญหาและความขัดแย้งมาตั้งแต่อดีตกาล จนขึ้นบทใหม่เมื่อ คสช. ทำรัฐประหารครั้งล่าสุดปี ๒๕๕๗ นี่คือ การเมืองประเทศไทย
สังคมภายใต้ภาวะอำนาจเผด็จการ อภิสิทธิ์อิทธิพลเหลิงตน ทุนผูกขาดขยายข่ายครอบคลุมกิจการอุปโภคบริโภคทุกประเภท ประเพณีวัฒนธรรมถูกย่ำยีและแปรเป็นเม็ดเงิน งานสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการสาธารณูปโภค ถูกสั่งการจากส่วนกลางและเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ เต็มไปด้วยช่องโหว่ให้ทุจริตคอร์รัปชัน และหาชิ้นงานที่มีคุณภาพแทบไม่ได้
เริ่มทำกันมานานแล้ว การดิ้นรนของชีวิตคนนา เพื่อปากท้องความอยู่รอดและขืนสู้กับค่านิยมสุรุ่ยสุร่ายของสังคมทุนนิยม นั่นคือ วิถีปลูกข้าวให้ผลิดอกออกผลเป็นเม็ดเงิน ถึงวันนี้จึงต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อปุ๋ย ซื้อยา จ้างรถไถเกี่ยวบรรจุข้าวเปลือกส่งขายในราคาที่ผู้รับซื้อกำหนด ซึ่งข้าวหนึ่งกิโลกรัมถูกกว่าบะหมี่สำเร็จรูปหนึ่งซอง
ทำไมโรงสีสมัยใหม่ โรงงานแปรรูปผลิตผลของเกษตรกร นับวันใหญ่โตมโหฬาร แต่บ้านเรือนชาวไร่ชาวนาผู้เป็น ‘กระดูกสันหลังของชาติ’ จึงกลับยิ่งทรุดโทรม ที่เห็นแปรเป็นตึกเป็นปูนบ้างนั้นก็ล้วนแต่สมาชิกสถาบันการเงิน หรือไม่ก็เป็นลูกไล่ของเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ
ส่งท้ายปี ๒๕๖๓ แล้ว เดือนหน้ามาคิดอ่านหาทางต้อนรับปีใหม่กัน