แนะนำนักเขียนใหม่ “หลานเหลียน” เปิดคอลัมน์ “บอกฮักด้วยพาข้าว”
แนะนำนักเขียนใหม่ “หลานเหลียน”
เปิดคอลัมน์ “บอกฮักด้วยพาข้าว”
“หลานเหลียน” สาวอีสาน ในวัยสามสิบต้น ๆ จากขอนแก่น เมืองหมอแคนดินแดนดอกคูน ผู้มีความสามารถหลากหลาย ทั้งงานด้านวิชาการและธุรกิจ แบบคนรุ่นใหม่ แต่ด้วยความภูมิใจในฮีตคอง ขนบธรรมเนียมประเพณี อีสานบ้านเกิด เธอนำเสนอผ่านตัวตนว่าเป็นคนอีสานแท้ ๆ ทั้งการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ การแต่งตัว อาหารการกิน ท่องเที่ยววิถีถิ่น โดยเฉพาะฝีมือการทำอาหารพื้นบ้านสไตล์ดั้งเดิมที่บรรดากัลยาณมิตรได้เคยลิ้มลองแล้วลืมไม่ลง จนต้องเล่าขาน และขนานนามเธอว่า “เชฟ หลานเหลียน”
… ด้วยความรักและภูมิใจในวิถีดั้งเดิมของอาหารพื้นถิ่นอีสาน ที่ง่ายงาม ตามแบบฉบับของครอบครัว เธอตั้งใจจะเขียนเล่าเรื่องราวเหล่านั้นเพื่อพิมพ์แจกในงานศพตัวเอง เพราะเห็นว่ามันจะสูญหายไปพร้อมกับลมหายใจของเธอ… แต่เพราะคุณค่าที่ปรากฏ อาหารธรรมดาแต่ละจานสุดแสนจะพิเศษ ด้วยเทคนิคของปราชญ์อีสานที่น้อยคนจะรู้ สะกดใจผู้คนทั้งที่ได้ลิ้มรส หรือแค่เพียงพบเห็นเหมือนได้ย้อนเวลา ไปพบอาหารในความทรงจำ อาหารในตำนาน และบางจานไม่คิดว่าจะมี…วิถีงดงามจนน่าทึ่ง พวกเราเหล่ามิตรจึงเรียกร้องให้เธอบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้น เพื่อเผยแพร่ในปัจจุบัน เพราะทรงคุณค่ามาก เธอจึงต้องจัดสรรเวลามาจับปากกา และสละเวลาเป็นวิทยากรตามหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าวัฒนธรรมการกินพื้นถิ่นในแบบอีสานให้อยู่คู่คนอีสานต่อไป
นันทิวา แถวโสภา
ต้นฤดูหนาว ลำปลายมาศ
***
พาข้าวเล่าฮัก
“มาเด้อกินข้าว หาพาข้าวออกแล้ว”
แม่… สาวชาวบ้านผู้เป็นต้นกำเนิดฮักของครอบครัวจะพูดประโยคนี้เสมอ หลังจากเธอตระเตรียมอาหารด้วยฮักใส่ลงในพาข้าวหรือสำรับอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ล้างมือไว ๆ แนนาง แม่เอิ้นกินข้าวแล้ว”
พ่อ…หนุ่มบ้านนอกผู้โอบอุ้มความฮักของแม่เสมอ เร่งให้ลูกสาวใส่ใจในฮักที่แม่มอบให้เหมือนที่เขาใส่ใจมาโดยตลอด
ภาพและเสียงที่เราคุ้นชินตั้งแต่เด็กจนโตคือความเอื้ออาทร ดูแลใส่ใจความฮักซึ่งกันและกันของพ่อและแม่ ในทุก ๆ เรื่อง อย่างเรื่องอาหารการกิน พ่อจะเป็นคนหาวัตถุดิบ ส่วนแม่จะนำวัตถุดิบนั้นมาจัดเตรียมหุงหา บ้านเราเรียกว่า “แต่งพาข้าว” เรียบร้อยแล้วก็จัดสำรับอาหารทุก ๆ สำรับแม่จะเอากระด้งที่พ่อสานด้วยฮักมาจัดอาหารเรียงลงไป เราเรียกว่า “หาพาข้าว”
***
วัตถุดิบหลักวันนี้คือปลาสร้อยหรือที่บ้านเราพ่อจะเรียกว่า “ปลาขาว” เป็นปลาที่หาได้ในท้องถิ่น เริ่มจากขอดเกล็ด ควักไส้ เพราะปลาชนิดนี้ก้างเล็กและเยอะจึงต้องบั้งถี่เพื่อตัดก้างแล้วล้างน้ำเกลือพักให้สะเด็ดน้ำ ส่วนพระเอกของเราวันนี้เป็นหัวกระทือแก่ ล้างให้สะอาดแล้วโขลกรวมกับเครื่องหอมอื่น ๆ อย่างกระเทียมพริกไทย ส่วนพริกนั้นใครไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ ปรุงรสด้วยเกลือเพียงเล็กน้อย หมักกับปลาในอุณหภูมิห้องสักชั่วโมง พอได้ที่แล้วก็ตั้งกระทะใส่น้ำมันมากหน่อย ใช้ไฟกลางค่อนแรง น้ำมันต้องเดือดจัดก่อนเอาปลาลง เวลาทอดให้เหลืองกรอบทีละด้านอย่ากลับไปมา รอให้เหลืองสวยทั้งสองด้านค่อยตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เท่านี้ก็ได้ปลาทอดกระทือหอม ๆ พร้อมเสิร์ฟแล้ว
พางายวันนี้มีปลาทอดกระทือ อ่อมโจดเอี้ยงใส่ผักหวานไข่มดแดง ป่นกุ้งใส่ใบขิงแคงกับมะกอกสุก ทานคู่กับผักสดที่หาได้ตามท้องถิ่นตบท้ายด้วยหวานมันอ้อน ข้าวต้มมัด และกล้วยน้ำว้า…มากินข้าวงายนำกันเด้อจ้า
เพราะอยู่ในวิถีจึงสาน
เพราะอยู่ในวิญญาณจึงสร้าง
อ่านเรื่อง พาข้าวเล่าฮัก ฉบับเต็มได้ในคอลัมน์ “บอกฮักด้วยพาข้าว” นิตยสารทางอีศาน ฉบับส่งท้ายปี ฉบับที่ ๙๒ เดือนธันวาคม ๒๕๖๒