โควิดคิดใหม่
องค์รัฏฐาธิปัตย์ที่มาโดยการฉ้อฉล ไร้บารมีธรรม จากกลุ่มอำนาจนิยม จากกลุ่มผลประโยชน์ ได้สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติมากมายขนาดไหน ในแง่ความรับรู้ทั่วไปอาจสรุปเปรียบกันเพียงว่าเป็นรัฐสีเทา จับต้องเอาผิดเป็นรูปธรรมไม่ได้ เพราะแบบจารีตประเพณีที่ปฏิบัติสั่งสมกันมาหลายชั่วโคตร ได้กำหนดรูปการณ์จิตสำนึกให้อ่อนน้อมยอมจำนนเป็นไปด้วยกัน
กรณี“โควิด-19”ลามระบาดใหญ่ทั่วไทยระลอกใหม่ สาเหตุสำคัญมาจากกลไกอำนาจรัฐที่นอกจากไม่มีคุณภาพและคุณธรรมแล้ว ยังเป็นปรสิตที่เกาะกินสังคมไทย สูบเลือดกินเนื้อคนส่วนใหญ่มายาวนาน
ตั้งแต่เกิดวิกฤติจากไวรัสร้ายเมื่อต้นปี ๒๕๖๓ การสาธารณสุขและภาคประชาสังคมของเราสามารถรับมือได้ แต่กระนั้นความเสียหายทางภาคเศรษฐกิจก็มหาศาล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวธุรกิจภาคบริการ มีรายรับเป็นศูนย์ ฝ่ายบริหารปกครองออกกฎระเบียบให้คนเล็กคนน้อยปฏิบัติระมัดระวังร้อยแปดพันเก้าประการ มีการกู้เงินนับล้านล้านบาทมาสร้างภาพตามนโยบายประชานิยมซึ่งสุดท้ายประชาชนก็เป็นผู้แบกรับหนี้สินเหล่านี้
จากต้นปี เวลาผ่านมาถึงช่วงเตรียมส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปี ๒๕๖๔ ทุกคนหวังและฝันถึงงานสังสันทน์ในหมู่เพื่อนฝูงและญาติมิตร ความสนุกรื่นเริง เพื่อเติมพลังชีวิตสำหรับเตรียมทำมาหากินเริ่มชีวิตในวิถีใหม่ แต่แล้วระเบิดที่ฝังอยู่กลางใจสังคมไทยก็ปะทุแตก สะเก็ดเชื้อไวรัสติดลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว อานุภาพของมันรุนแรงนับพันเท่าเมื่อเทียบกับกรณีการแพร่เชื้อจากแหล่งสนามมวยลุมพินี
หายนะความสูญเสียจากโครงสร้างที่กดทับครอบงำสังคมไทย ปรากฏเป็นรูปธรรมจากการลามระบาดครั้งใหม่ของ “โควิด-19” นี้ ยังประเมินค่าความเสียหายในทุกด้านไม่ได้
การป้องกันแก้ไขทางสุขภาพอนามัยเราพอรับมือได้ ประเด็นชี้ขาดอยู่ที่เรื่องวัคซีน และเรียนรู้ให้เท่าทันการกลายพันธุ์ของมัน แต่มาตรการต่อปัญหาทางสังคม เราทำได้เพียงย้ายตำรวจ ไม่มีข่าวตามจับเจ้าของบ่อน เรากวาดจับพี่น้องแรงงานจากเพื่อนบ้าน ยังไม่จัดการขบวนการกินหัวคิว ขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง และทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังไม่มีการพูดหรือสาวให้ถึงต้นตอของปัญหา
ตราบใดที่โครงสร้างส่วนบนของสังคมไม่เปิดออกรับแสงสว่าง ตราบนั้นทุกองคาพยพที่เคลื่อนไหวเป็นไปก็ยังจะวกเวียนวนอยู่ในความอึมครึม ไร้พลัง หลงทิศผิดทาง นับวันยิ่งอ่อนแอและล้าหลัง หาทางไปสู่ความพัฒนาก้าวหน้าใด ๆ ไม่ได้เลย