โลกหลังประชาธิปไตย (1)
โดย… “เสรี พพ”
ปัจจัยหลักคือเงินกับเทคโนโลยีหมายเหตุ : บทความยาว 6 ตอน ที่จะโพสท์ต่อเนื่อง อยากทำความเข้าใจกับโลกวันนี้ เริ่มจาก “ปรากฏการณ์อเมริกา” และขบวนการขวาจัดทั่วโลกที่กำลังกลับมา ด้วยการศึกษาแนวคิดของ Curtis Yarvin “ประกาศก” (prophet) ยุคใหม่ของการเมืองโลก.
บทความนี้ศึกษาแนวคิดหนึ่งที่วิเคราะห์การเมืองโลกได้น่าสนใจ และดูว่าจะช่วยวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองในประเทศต่างๆ อย่างไร ไม่ว่า รัสเซีย จีน สหรัฐ และบางประเทศที่ใกล้โมเดลของเคอร์ติส ยาร์วิน และจะจบลงด้วยกรณี “ไทยแลนด์”
“ประชาธิปไตยตายแล้ว” คงไม่ใช่คำกล่าวเกินจริง โลกวันนี้ “หมุนกลับ” ไปหา “ราชาปราชญ์” (Philosopher King) แต่ต่างจากที่เพลโตคิด กลายเป็น “เทคโน-กษัตริย์” (Techno-Monarchy) หรือ “ราชาธิปไตย-เทคโน” ในความหมายของ Curtis Yarvin
แปลกไหม ทำไมโดนัลด์ ทรัมป์จึงเลือกอีลอน มัสก์ เข้ามามีส่วนร่วม เป็นผู้นำในการ “เก็บกวาด” การบริหารบ้านเมือง ทำไมจึงเชิญผู้นำ ซีอีโอ เทคยักษ์ใหญ่มาในงานสาบานตนฯ ทำไมต้องการ “ขยายดินแดน” และ “ควบคุมเทคโนโลยี” ทำไมเชิญผู้นำและอดีตผู้นำขวาจัดจากทั่วโลกไปร่วมงานสาบานตนหรือว่า ในอนาคต ผู้นำสหรัฐอาจชื่อ “อีลอน มัสก์” ที่มีเงินและเทคโนโลยีอยู่ในมือ ซื้อทวิตเตอร์ และอีกหลายเทคโนโลยี รวมทั้งอยากได้ Tik-Tok อยากไปดาวอังคาร และอื่นๆ เพื่อให้อเมริกายิ่งใหญ่และ “ครองโลก” ด้วย “เงิน” รูปแบบดิจิทัล คริปโตเคอร์เรนซี ควันตัม ซึ่งทั้งทรัมป์และอีลอน มัสก์ “ประสานเสียง” เป็นปี่เป็นขลุ่ย
ทำไมทรัมป์เลือก เจ.ดี. แวนซ์ (J.D. Vance) เป็นรองประธานาธิบดี ที่มีแนวคิดตามเคอร์ติส ยาร์วิน นักวิเคราะห์การเมืองไม่แปลกใจที่ทรัมป์เลือกแวนซ์ ซึ่งมีแนวคิด “ต้านประชาธิปไตย” ตามแนวปรัชญา “ปฏิกิริยาใหม่” ของยาร์วิน (Neoreactionary philosophy) เพราะนายทรัมป์เองก็มีลักษณะเดียวกัน
เคอร์ติส ยาร์วิน (Curtis Yarvin) คน “ยุคใหม่” อายุ 52 ปี เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการ “เรืองปัญญามืด” (Dark Enlightenment) ซึ่งเป็นกลุ่มแนวคิดและนักคิดที่วิพากษ์ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ความเสมอภาค และค่านิยมทางสังคมแบบก้าวหน้า ปรัชญาของเขาหลักๆ มีดังนี้
1. ยาร์วินมองว่าประชาธิปไตยมีประสิทธิภาพต่ำและมีแนวโน้มที่จะเกิดการคอร์รัปชัน เขามองว่าระบบนี้มีข้อบกพร่องและนำไปสู่การบริหารที่ไม่มีคุณภาพ โดยสิ่งที่เขาเรียกว่า
“มหาวิหาร” (The Cathedral) คำที่ใช้เรียกความร่วมมือระหว่างสื่อ มหาวิทยาลัย และระบบราชการ ที่ส่งเสริมอุดมการณ์แบบก้าวหน้าและควบคุมสังคมเขาเชื่อว่าสถาบันประชาธิปไตยไม่สามารถแก้ไขปัญหาสังคมที่สำคัญได้ เพราะสถาบันเหล่านี้ส่งเสริมการมองระยะสั้นและการเอาใจเสียงส่วนใหญ่ มากกว่าการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
2. ยาร์วินเสนอแนวคิด “ราชาธิปไตยเทคโน” (Techno-Monarchy) ซึ่งเป็นระบบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ผู้ปกครองเพียงคนเดียว หรือผู้นำที่มีลักษณะคล้าย CEO โดยผู้ปกครองนี้จะถูกคัดเลือกตามความสามารถ คุณสมบัติ และประสิทธิภาพในการบริหารงาน คล้ายกับการบริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ
เขาเชื่อว่าระบบราชาธิปไตยหรือเผด็จการที่บริหารได้ดี จะสามารถกำจัดความไม่มีประสิทธิภาพของประชาธิปไตย และสร้างความรับผิดชอบที่ชัดเจน พร้อมทั้งการวางแผนระยะยาว
3. แนวคิดของยาร์วินสอดคล้องกับปรัชญา “ปฏิกิริยาใหม่” (Neo-reactionary NRx) ซึ่งเน้นเรื่องชนชั้น ความเป็นระเบียบ และประเพณี มากกว่าความเสมอภาคและประชาธิปไตย
เขาปฏิเสธอุดมการณ์แห่งยุคเรืองปัญญา (ที่มาของคำว่า “เรืองปัญญามืด”) เช่น สิทธิในการเลือกตั้งทั่วไปและความเท่าเทียมของมนุษย์ โดยมองว่าเป็นอุดมคติที่ไม่สมจริงและไร้ประสิทธิภาพ (ไม่ว่าจอห์น ล็อคหรือรุสโซ)
4. ยาร์วินมองว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยสร้างระบบการปกครองที่รวมศูนย์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยสร้างความเป็นระเบียบ โปร่งใส และลดการคอร์รัปชัน รวมถึงลดอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์เฉพาะทาง
5. เขาเสนอ “ทางออก” ที่ระบบการเมืองปัจจุบันไม่สามารถปฏิรูปได้ และจำเป็นต้องถูกแทนที่ทั้งหมด กระบวนการนี้ที่เรียกว่า “การรีเซ็ต” (Reset) จะรื้อถอนสถาบันเดิมและแทนที่ด้วยโครงสร้างการปกครองใหม่
ยาร์วินยังส่งเสริมแนวคิด “ทางออก” (Exit) ซึ่งหมายถึงการที่บุคคลหรือกลุ่มที่ไม่พอใจกับระบบปัจจุบัน สร้างหน่วยการปกครองอิสระของตัวเอง โดยมักใช้เทคโนโลยีเป็นตัวสนับสนุน
แนวคิดของยาร์วินถูกวิจารณ์ว่าเป็นแนวคิดชนชั้นสูง ต่อต้านประชาธิปไตย และเป็นอันตราย โดยนักวิจารณ์มองว่าวิสัยทัศน์ของเขาอาจนำไปสู่ระบบเผด็จการ นอกจากนี้ ความเกี่ยวข้องของเขากับกลุ่มขวาจัดและคำพูดที่เป็นที่ถกเถียง ยังสร้างความขัดแย้งอย่างมาก
เคอร์ติส ยาร์วินและขบวนการ “เรืองปัญญามืด” ท้าทายพื้นฐานของการปกครองแบบประชาธิปไตยสมัยใหม่ และเสนอทางเลือกที่เน้นอำนาจรวมศูนย์และชนชั้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี แม้ว่าแนวคิดของเขาจะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและความเป็นระเบียบ แต่ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างมากในวงการการเมืองและวงการปรัชญา
23 มกราคม 2024
หมายเหตุ หนังสือของ Curtis Yarvin มีหลายเล่ม แต่ใช้นามแฝงว่า Mencius Moldbug เขาเป็น blogger ที่เคยทำงานใน Silicon Valley ข้อเขียนส่วนใหญ่อยู่ในบล็อคของเขา.