นิทานหมู่บ้าน
คนหมู่บ้านอยู่กินกับดิน กับห้วยละหาน ภูเขาและป่าดง เบิกพงไพรเป็นไร่นา รอบบ้านปลูกพืชผักสวนครัว ใต้ถุนบ้านเลี้ยงเป็ดไก่วัวควายไว้เป็นอาหารและแรงงานหลัก
อาหารธรรมชาติประเภทสัตว์ จำพวกนก หนู ปู ปลา กบ เขียด มด แมลง กิ้งก่า แย้ จิ้งหรีด จิโปม กินาย ตั๊กแตน ฯลฯ ประเภทพืช หน่อไม้ หน่อโจด ผักหวาน ผักเม็ก ผักกูด กุ่ม ก่าม เห็ด ผักหนาม อีรอก ขี้เหล็ก ผักเสี้ยน ขะเจียว ฯลฯ มีให้เก็บหามากินตามฤดูกาล เรื่องการลาบปิ้งต้มแกงคั่วเป็ดไก่วัวควายนั้น มักจะเกิดยามงานบุญหรือมื้อพิเศษของครอบครัวชุมชนเท่านั้น และเสียงมีดฟักสับลงบนเขียงก็เรียกน้ำย่อยจากผู้คนได้ทั้งคุ้ม
เรื่องเล่าจากอดีตถูกเล่าขานเป็นตำนานสืบมา เป็ดไก่วัวควายต้องตายห่ากลายเป็นอาหารต้อนรับเจ้าใหญ่นายโต ผู้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหมู่บ้าน เด็ก ๆ ในยุคนั้นได้แต่สูดปากจ้องมองด้วยตาละห้อย
ถึงปัจจุบันน่าอัศจรรย์ใจว่า ภายใต้การดูดซับทรัพยากรจากหมู่บ้านของทุนใหญ่จากสังคมเมือง ภายใต้การดูแคลนชาวชนบทว่าโง่ จน เจ็บ สันหลังยาว ชีวิตหมู่บ้านวันนี้ไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีสวนครัวอุดมสมบูรณ์เช่นอดีต แต่คนกำเคียวแบกจอบเสียมผู้ทระนงยังมีลมหายใจ ยังสรรสร้างงาน หลายครั้งได้ลงขันกันจัดกิจกรรมเทศกาลงานประเพณี ตกค่ำมีขายบัตรร่วมรับประทานอาหารพื้นถิ่นอันโอชะ โดยแจ้งเจ้าใหญ่นายโตที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนเข้าร่วม มีขบวนแห่ฟ้อนต้อนรับ และแล้วจนงานเลิกลาท่านเหล่านั้นก็แกล้งลืมจ่ายเงินค่าพาแลง
นิทานจากหมู่บ้านนี้ เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ และยังคงลามระบาดอยู่ทั่วทุกหัวระแหง