บักต่อลูกเขยพ่อเฒ่าแต้ม เป็นคนชอบเลี้ยงหมามาก เมื่อเห็นลูกหมามีลักษณะดี เช่น หมาพันธุ์ไทยหลังอาน หมาหางดาบ หรือหมาพันธุ์จากต่างประเทศที่มีลายด่างเป็นจุด บักต่อมันซื้อมาเลี้ยงไว้หลายตัว แล้วมันก็ตั้งชื่อตามลักษณะของหมาแต่ละตัว เช่น ตัวใดหูห้อยลงมันก็ตั้งชื่อ ตูบ บางตัวสีดำมันก็ตั้งชื่อ มืด ตัวที่สีขาวเหมือนเมฆมันก็เรียก ไอ้เมฆ
มีหมาอยู่ตัวหนึ่งที่มีสีลายด่างสลับหลายสี เหมือนกับช่างเขียนเอาสีมาแต้มมาทาให้ บักต่อก็เลยตั้งชื่อหมาตัวนั้นว่า “บักแต้ม”
อีนางแตน ผู้เป็นเมียบักต่อก็ทักท้วงผัวว่า
“ชื่ออื่นไม่มีเหรอ ทำไมจึงตั้งชื่อหมาเหมือนชื่อพ่อฉันล่ะ?”
“มันบังเอิญว่า สีของมันเหมือนมีคนมาแต้มสีให้มันน่ะ”
บักต่อบอกเหตุผล อีนางแตนก็จำใจทนให้ผัวเรียกชื่อหมาตัวนั้นว่าบักแต้มเรื่อยไป เพราะยังไงพ่อก็อยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มารู้เรื่องหรอก
วันหนึ่ง พ่อเฒ่าแต้ม ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด ได้เดินทางไปเยี่ยมลูกสาวกับลูกเขย เมื่อถึงบ้านลูกสาว เห็นหมานับสิบตัว บางตัวที่ดุร้ายก็อยู่ในกรง ตัวที่เชื่องก็ปล่อยเพ่นพล่านตามลานบ้าน
“ต่อ! โต๋คือเลี้ยงหมาหลายโต๋แท่ะ?” พ่อเฒ่าแต้มถามลูกเขย
“เลี้ยงหมามันมีความสุขน่ะพ่อ บางโต๋สอนได้!” บักต่อมันบอกเหตุผล
“โต๋บ่ได้เลี้ยงไว้ขาย เป็นรายได้ติ?”
“บ่! ข้อยเลี้ยงไว้พอได้สุขใจก่ะพอ! โต๋ใด๋มันดุมันฮ้ายก่ะขังไว้!” บักต่ออธิบาย
เมื่อพ่อเฒ่าแต้มได้ฟังเหตุผลจากลูกเขยก็เข้าใจ แล้วก็เดินชมกรงหมาไปบ้าง ในระหว่างที่พ่อเฒ่าแต้มกำลังดูลูกหมาตัวน้อยอยู่นั้น เป็นช่วงเวลาที่คนข้างบ้านบักต่อเดินผ่านกรงหมาลายหลากสี
“โฮ่ง ๆ ๆ” เสียงหมาเห่าคนข้างบ้านที่ผ่านกรงมัน
“มึงอย่าเห่ากูเด้อบักแต้ม!” คนข้างบ้านว่ากับหมา พ่อเฒ่าแต้มได้ยินคนข้างงบ้านเอ่ยชื่อตนก็หันไปมองเพราะได้ยินแว่วๆเหมือนเอ่ยชื่อแก
“เขาเว้ากับพ่อรึต่อ?” พ่อเฒ่าแต้มถาม
“บ่แหม่น…เขาเว้ากับหมาโต๋ที่อยู่ในกรง น่ะพ่อ!” บักต่อบอก
“ติ! นึกว่าเขาเว้ากับพ่อได้ยินว่า แต้ม ๆ! แม๊ะ”
“อ๋อ…ที่เขาเว้าแต้ม ๆ เพราะหมาโต๋ลายอยู่ในกรงน่ะ!
มันชื่อ…บักแต้ม!”