เงินตราโบราณ ในอีสานบ้านเฮา (ตอนที่ ๒)
เงินฮ้อยคือเงินที่มีนํ้าหนักสิบบาท แต่คนลาวจะเรียกว่าฮ้อยหนึ่งหรือร้อยหนึ่ง อนึ่ง เงินฮ้อยมิใช่เงินที่หล่อด้วยเงินแท้ ๆ เป็นเงินชนิดปน คือเขาเอาทองสำริดหรือทองขาว (ทองแดงหรือดีบุก) มาหลอมสูบในไฟไล่ขี้โลหะออกไปหลาย ๆ หน จนหมดตะกั่วและชินที่อยู่ในเนื้อทองสำริด ผสมกับเนื้อเงินแท้ ๆ ในสัดส่วนเงินหนัก ๑๐ สลึง ทองสำริดหนัก ๗ บาท ๒ สลึง (รวมนํ้าหนักเป็น ๑๐ บาท) แล้วนำไปหลอมจนละลายเทลงในแม่พิมพ์จะได้เงินฮ้อยหนึ่งแท่ง
ครอบขังไทย
ผู้ทรงยศล้วนผู้ลากผู้มากอย่าง ผู้มากเงินใช้เงินง้างทุกอย่างได้ สวมเครื่องแบบกินภาษีพุงพีไป ล้วนหัวใจไร้ธรรมาภิบาล
คำเต็มของ ตม.
พันตำรวจโทคำแพง เป็นนายด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นครพนม ท่านมีลูกสาวสวย สิบตำรวจโทคำตา ประจำอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ทำงานดีมาก จึงมีโอกาสได้เป็นลูกเขยของพ่อเฒ่าพันโทคำแพงแบบไม่ยากนัก
[๗] ปาจิต อรพิม ในงานศิลปะ (๒) วัดบ้านยางทวงวราราม อายุ ๒๒๐ ปี
ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระปาจิต และนางอรพิม ที่ปรากฏรอบสิมวัดบ้านยางนั้น อยู่ล้อมรอบบริเวณสิมหรืออุโบสถ แต่อยู่ในลำดับล่างสุด โดยมีเรื่องพระมาลัย และพระเวสสันดรอยู่ข้างบนตามลำดับ ซึ่งเป็นการยากที่จะเข้าใจเรื่องราวที่แต้มไว้หากผู้มาเยือนขาดความเข้าใจในขนบของจิตรกรรมฝาผนังสิมอีสาน โดยเรื่องราวที่ปรากฏล้อมรอบสิมวัดบ้านยางนี้
ไม้สองนาง ผีสองนาง
คนโบราณเมื่อพบเห็นปรากฏการณ์อะไรที่ “ไม่ปกติ” แปลกแตกต่างจากปรากฏการณ์ทั่ว ๆ ไป ย่อมมองว่ามันเป็น “กรณีพิเศษ” และกรณีพิเศษก็ย่อมมีผลให้เกิดอะไร ๆ ที่ไม่ปกติได้ทั้งในทางร้ายและ/หรือทางดี
ความเปลี่ยนแปลง
เว้าแล้วต้องเฮ็ด เฮ็ดให้สุด
ขุดให้ถึง ผิดถืกค่อยว่ากัน
สิ่งใด๋ดียกยอขึ้น สิ่งใด๋บ่ดีแก้ไข
ทั้งเฮ็ดทั้งเฮียนคู่กันไป
ความผิดบ่ไซ้ความซั้ว
ความซั่วคือบ่เปลี่ยนแปลง