การค้นพบสมุนไพรวิเศษ
ความนำ
ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเรื่อง วันและคืนในป่าเมืองลาว เป็นหนังสือประวัติการทำสงครามในป่าเมืองลาว อันเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งเขียนโดย ท่านด่าว วันเตี้ยน และท่านสมสะหวาด เล่งสะหวัด เล่าถึงความเป็นไปของการประสานงานของฝ่ายเสนาธิการและการข่าวในแนวหลัง ในช่วงที่ฝ่ายอเมริกันได้ใช้เครื่องบินมาโปรยสารพิษที่เรียกกันว่า ฝนเหลือง (Yellow Rain or Agent Orange) เพื่อทำลายใบไม้ในป่า ไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของทหารแนวลาวฮักซาดและทหารเวียดมินห์ ในยุคสงครามเวียดนามระหว่างปี ๒๕๐๕ – ๒๕๑๔
ท่านด่าน วันเตี้ยน และท่านสมสะหวาด เล่งสะหวัด และคณะ ได้พากันเดินทางไปเยี่ยมและตรวจตราการทำงานของกองกำลังฝ่ายแนวลาวฮักซาดในเขตป่าเขาในเมืองลาว ได้ไปพบเห็นความยากลำบากของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอพิษภัยจากฝนเหลือง ทำให้ข้าวในยุ้งฉาง ข้าวในนา และหัวมันต้นที่อยู่ในดิน กลายเป็นพิษเน่าเหม็นไม่สามารถจะบริโภคได้ เมื่อนำข้าวมานึ่งหรือต้มแล้ว แม้แต่หมาก็ยังไม่กิน เพียงดมแล้วก็หนีไป คนและสัตว์ก็อยู่ไม่ได้ รอแต่วันตายเท่านั้น ปัญหานี้จะมีทางออกอย่างไร เชิญท่านผู้สนใจหาคำตอบได้จากเรื่องราวจากตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้
ค้นพบยาแก้เบื่อ
สงครามบ่ได้จำกัดขอบเขต มันได้แผ่ลามฮอดเขตผาละแวก ยอดงึ่ม เขตย่อยบลิคันของซุมปีนั้น บ่ต่างหยังมรสุมพัดพาเข้ามาขงเขตดังกล่าว ด้วยความมิดเงียบ เพราะมันเป็นสงครามที่บ่มีเสียงระเบิด บ่มีเสียงปืน เทิงท้องฟ้าเห็นแต่เฮือบินเวิ่นไปเวิ่นมา ทำอิดใผ ๆ กะมากันแล่นเข้าป่า เข้าฮ่อมห้วยภูเขา คิดว่าพวกมันจะถิ้มระเบิดหรือยิงปืนกล แต่พวกมันบ่เฮ็ดหยัง มาแต่บินเวิ่นไปเวิ่นมา หลายหลบหลายต่าว อยู่เทิงบรรดาผืนไฮ่ของประชาชน จากนั้นก็เห็นพ่นวัตถุสีขาวเป็นสายยาวออกจากหางของเครื่องบิน เบิ่งคัก ๆ แล้วมันบ่แม่นควันสีขาว หากเป็นสายฝนฝุ่น มีกลิ่นเหม็นมหาเหม็น จนหันใจบ่ออกและปวดฮาก ฝุ่นผงเหล่านั้นถืกพ่นลงใส่ผืนไฮ่ทุกผืน พ่นลงใส่ป่าดง ฮ่อมห้วย แต่แล้วเมื่อเฮือบินเหล่านั้นหายตัว จำพวกฝุ่นฝนขาวก็ค่อยหายไปกลิ่นของมันคือจั่งฝังลง หล่นลงติดใบไม้ทุกชนิด บ่ว่าแต่ต้นไม้หรือพืชพันธุ์ ก็ล้วนแต่มีฝุ่นเหม็นเหล่านั้นโอบ จากนั้นหนึ่งหรือสองมื้อ จำพวกใบไม้ ต่างก็หล่าเหลือง และขูหล่นลงดิน จนเห็นแต่ก้านกิ่ง ง่าของต้นไม้ เบิ่งคล้ายคือกันกับก้างปลาเอาซื่อ ๆ ต้นข้าวเทิงไฮ่ที่พวมถอดฮวงต่างก็เหี่ยวแห้ง มันต้นขุดขึ้นมาเป็นเพียงท่อนมันเน่าที่มีกลิ่นเหม็นสุดขนาด เหม็นฮอดไส้ฮอดพุง และปอด เฮ็ดให้การเต้นของหัวใจ ผิดปกติ กลิ่นเหม็นดังกล่าว แก่ยาว (ดำเนินไป) เป็นเวลาหลายเดือน
ซุมมื้อทำอิด ประซาซนซาวบ้านคิดว่า คงซิแม่นกลิ่นของลมซื่อ ๆ บ่ท่อใดมื้อก็คงจะเหย แต่บ่แม่นคือแนวนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในป่าดงได้กลายเป็นสีเหลือง นับทั้งไฮ่ข้าวไฮ่มันต้นเหี่ยวแห้ง นับทั้งต้นข้าวก็บ่เป็นฮูปฮ่างของต้นข้าวอีก ทุกคนพากันตกใจ บ่ซ่างซิแก้ไขแนวใดจั่งไปรอด ปีก่อนเคยเกิดหนูขี เกิดอุทกภัยหรือภัยแห้งแล้ง การเฮ็ดไฮ่เฮ็ดสวนบ่ได้หมากได้ผล แต่พวกเขายังมีไฮ่มันต้น สาลี มันด้าง เผือกเป็นอาหารตางข้าวได้ เพราะในขงเขตดังกล่าวมีไฮ่มัน ต้นประเภทหนึ่งปี สองปี สามปี และมีฮอดประเภทมันต้นสี่ปีห้าปี เมื่อมีไฮ่มันต้นหลายคือแนวนั้น บ่ว่าพนักงานก็คือทหาร หรือประซาซน ต่างก็เอามันเป็นอาหาร ยุทธศาสตร์ เมื่อเถิงฤดูขุดมัน พากันขนมาปอกเปลือกออก ฝานตากแห้งแล้วเอามาบดเป็นแป้งแห้ง ต้องการกินมาเทื่อใดก็เอามาหนึ้ง หรือต้มกินแม่นทุเลาได้ ป่ามันต้นมียายไปทั่วทุกหน่วยภู หลายเถิงขั้นสัตว์ป่าบ่สามารถจะกินให้หมดได้ เมื่ออาศัยพืชพันธุ์เทิงผืนไฮ่บ่ได้ เขาเจ้าก็กลับมาเพิ่งพาอาศัยข้าวกาก สาลีและมันต้น ที่ได้ขนขึ้นสางขึ้นเล้าในหลายปีผ่านมา แต่ข้าวเปลือกและมันต้น เมื่อเอามาตากแดดตำใส่ครกมอง หรือบดเป็นแป้ง เป็นเม็ดข้าวสารจบเจือ แต่เวลาหุงต้ม หรือหนึ้ง ล้วนแต่มีกลิ่นเหม็นสุดขนาด บ่ว่าแต่กิน ดมซื่อ ๆ กะยังบ่ได้ เพราะต้องปวดฮากวินเกล้าเมาหัว แม่นแต่หมาที่หิวโหย ถิ้มปั้นข้าวให้ มันมีแต่ดม แล้วแล่นหนี เมื่อสภาพเป็นเซ่นนั้น ประซาซนต่างพากันเข้าไปในดงเลิก สิ่งที่เป็นห่วงและอันตรายที่สุด แม่นแนวข้าวปลูกของปีที่จะมาเถิง
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว พวกเฮาได้แบ่งปันกันลงไปหาบรรดาหมู่บ้าน ที่บ่ประสบภัยจากการโฮยยาพิษ ระดมให้ซาวบ้านพวกนั้นซ่วยเหลือด้านข้าวและเสบียงอาหารแก่หมู่บ้านที่ถืกเคราะห์ร้าย
คณะนำเขตย่อยบอริคัน ได้แต่งตั้งสหายสมสวาด นำพาอ้ายน้องพนักงานจำนวนหนึ่ง ลงไปตามหมู่บ้านแถบน้ำซัน เพื่อทำการโฆษณาขวนขวายประซาซนลาวลุ่มซ่วยเหลือประซาซนเผ่าม้ง ด้านข้าวอาหารการกิน เกลือ และวัตถุสิ่งของที่จำเป็น เช่น ผ้าแพร เข็มหยิบ ด้าย ถ้วย บ่วง จาน ซาม พร้อมทั้งหยุกยาปัวพยาธิ และอื่น ๆ
ส่วนข้าพเจ้าพร้อมสหายยัวเน้ง ทหารกองหลอนบ้านซนเผ่าม้ง ได้เดินทางไปหาบ้านปาแม เพื่อระดมขนขวาย ขอข้าวแนวปลูก เพราะฮู้ข่าวว่าบ้านนี้ยังมีแนวข้าวปลูกอยู่หลายไฮ่ ยนต์ศัตรูยังบ่ทันมาโฮยยาพิษ เพราะเป็นไรยะที่ข้าวเทิงไฮ่พวมสุกเหลือง พร้อมนั้น ข้าพเจ้าและยัวะเน้ง ลงไปหาบ้านสมแบ่ง โดยผ่านผืนไฮ่ของพ่อเฒ่าเจียซาง ซึ่งเป็นผืนไฮ่ที่ถืกโฮยยาพิษเซ่นกัน พวกเฮาเห็นพ่อเจียซางนั่งเบิ่งผืนไฮ่ของเพิ่นด้วยความเศร้าสลดใจ พร้อมทั้งหันใจบ่เต็มปอด ยัวะเน้งเว้าให้ฟังว่าทุก ๆ มื้อใด พ่อก็มานั่งเบิ่งผืนไฮ่ของเพิ่นด้วยความทุกข์ระทมใจ
ข้าพเจ้าถามสบายพ่อเจียะซาง พร้อมทั้งเอาอาหารแห้งยื่นให้เพิ่น อาหารแห้งเป็นอาหารทางการเบิกจ่ายให้ ในเวลาออกเดินทางทำอิด และไว้เวลาจำเป็นแท้ ๆ โดยสะเพาะตกในวงปิดล้อมของศัตรู บ่มีเงื่อนไขหุงต้ม หรือถืกตัดขาดจากพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง เวลานั้นจึ่งเอาอาหารแห้งออกมากินเพื่อแก้ฮ้อน พ่อเจียซางฮับเอาอาหารแห้งด้วยมือที่สั่นเครือ เพิ่นฟ้าวบิออกหน้อยหนึ่งยัดใส่ปากหย้ำ อาหารแห้งนั้นเป็นขนมแห้งชนิดหนึ่ง ที่เฮ็ดด้วยแป้งปนน้ำตาล กินขนมแห้งประเภทนี้ต้องมีน้ำล่องคอ ถ้าบ่นั้นจะเฮ็ดให้มันติดลิ้นติดคอ แต่เป็นอาหารที่มีธาตุบำรุงหลาย เวลาหิวหลาย กินหน้อยหนึ่งก็สามารถเฮ็ดให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นกับหม้อง ย้อนแนวนั้น เมื่อพ่อกินลงท้องแล้ว ดวงตาของพ่อสดใสขึ้น พ่อยืนขึ้นแสดงความขอบอกขอบใจข้าพเจ้า เพิ่นบอกว่าจะยอมเมือให้พวกหลานอยู่เฮือน ถ้าบ่นั้น พวกมันจะต้องตายในไว ๆ นี้ ฝ่ายพวกเฮาก็ได้แต่กล่าวคำอำลาเพิ่นและสืบต่อเดินทาง แต่ทันใดพ่อเจียซางฮ้องขึ้น
“พวกลูกเอย กลับคืนมาเดียวนี้ อันนี้แม่นหยัง”
พวกเฮาหันกลับคืนไปหาพ่อเฒ่า เพิ่นซี้มือไปใส่ข่าสุมหนึ่ง ที่ยังมีใบเขียวขจี เมื่อเบิ่งคัก ๆ แล้ว กกของต้นข่ามีหน่อเป็นสีแดง ยอดของมันแหลมพ้นออกมาจากพื้นดิน แสดงเถิงความทนทานต่อสิ่งแวดล้อม บ่มีหยังจะมาเบื่อเมามันได้บรรดาต้นหญ้าพุ่มไม้ เขตอ้อมแอ้มต้นข่า ล้วนแต่แห้วและตายดับเหมิด ทั้งพวกต้นหอนไก่ที่เต็มอยู่กลางไฮ่ก็เหี่ยวแห้ง และตายเกลี้ยง
เห็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจว่า การที่สุมข่าป่าบ่ตาย อาจย้อนว่ามันอยู่ฮ่มไม้ ฝุ่นเคมีบ่กระทบเถิง จึงบ่เหี่ยวแห้ง และตายคือดั่งต้นไม้ชนิดอื่น ๆ แต่เมื่อเบิ่งคัก ๆ แล้ว จำพวกสุมหญ้า พุ่มไม้ ตลอดฮอดผักหนอก เขตอ้อมแอ้มที่อยู่ต่ำกว่าก็ยังตายเหมิดบ่มีเหลือ
เสียงของพ่อเจียซางฮ้องขึ้นมาจากห้วย “พวกลูกเอย ลงมาเบิ่งอันนี้แม”
ข้าพเจ้าและสหายยัวะเน้ง แล่นลงไป พ่อเจียซางยืนอยู่ก้องเครือสุมหนึ่ง เป็นเครือไม้ยังฮักษาโสมด้วยใบที่เขียวขจี นั้นคือเครือส้มลม ที่อยู่ระหว่างกลางของต้นไม้ที่ตายกะแด้ง ทันใดความคิดอันหนึ่งได้พ้นขึ้น เป็นอันว่าธาตุเคมียาพิษของอเมริกา บ่สามารถเข่นฆ่าพวกเครือที่เป็นธาตุส้ม แต่พวกต้นไม้ที่เป็นหัวมันทั่วไป พัดมีแต่ต้นข่าท่อนั้นที่ยังคงตัวได้ กงกันข้าม ต้นขิง หัวสีไค ซ้ำพัดบ่เหลือ ตายหมด
ปรากฏว่าใบหน้าของพ่อเจียซาง มีความซื่นบานขึ้น เมื่อสังเกตเห็นจำพวกไม้ดังกล่าวเทิงนั้น พ่อหันมาเว้ากับพวกเฮาว่า
“พวกเฮาจะบ่ตายอีกแล้ว เพราะมีวิธีแก้ไข”
การจะสืบต่อไปหาบ้านปาแม คงจะบ่ฮอดง่าย เพราะตาเว็นเหงี่ยงไปทางทิศตาเว็นตกหลายเติบแล้ว จำต้องกลับคืนบ้านของพ่อเจียซาง พร้อมนั้น ไผ ๆ ก็ฮูดเอาใบส้มลมไปนำผู้ละกำ
ฮอดเฮือน พ่อเจียซางบอกให้ไทเฮือนตักข้าวสารมาให้สองโอ ซึ่งเป็นข้าวที่มีกลิ่นเหม็น บ่สามารถจะกินได้ ทันใดพ่อตำใบส้มลมให้มุ่น แล้วเอาไปแซ่น้ำ ปั้นเอาแต่น้ำแล้วถอกข้าวสองถ้วยนั้นเข้าไปหม่า ในน้ำใบส้มลม ประมาณหนึ่งซั่วโมง พร้อมนั้นก็เอาข่าหนึ่งท่อนมาตำให้มุ่น แซ่ลงน้ำเอาน้ำข่านั้นมาปนกับข้าวหม่า จากนั้นก็เอาข้าวหม่านั้นมายัดใส่บั้งไม้ป่องดิบหลาม กะว่าข้าวในบั้งสุกแล้วก็ปอกบั้งข้าวหลาม ปรากฏว่ามีกลิ่นหอมของข้าวเหนียวแบบธรรมซาติ ปราศจากกลิ่นเหม็น กลิ่นหอมของข้าวได้มีกลิ่นฮอดเฮือนข้างเคียง พวกซาวบ้านพากันมาเบิ่ง
เพื่ออยากให้ฮู้ว่าข้าวนั้นยังมีธาตุเบื่อหรือบ่ ทันใดพ่อเจียซางปั้นเอาข้าวที่หลามนั้นขึ้นมาหย้ำกิน พร้อมทั้งกล่าวว่า
“พ่อนี้เถ้าแก่ซราการแล้ว เถิงว่ากูหากตายไปก็บ่เป็นหยัง”
ในขณะที่พ่อพวมจะเอาข้าวยัดใส่ปากนั้น หมาโตหนึ่งดมกลิ่นหอมของข้าวเหนียว มันก็แล่นเข้ามาหาพ่อเจียซาง พร้อมทั้งแกว่งหาง พ่อก็เลยโยนข้าวให้หมา มันฟ้าวคาบเอาไปหย้ำกินอยู่แจเฮือน พอเจียซางติดตามเบิ่ง ปรากฏว่า หมาตัวนั้นกินข้าวปั้นนั้นอย่างแซบนัว และส่งสายตามาทางพ่อเถ้า คล้ายคือว่าอยากขอตื่มอีก พ่อโยนให้มันอีกสองปั้นน้อย หมาสวาบอีกและกินอย่างเอาจริงเอาจัง เบิ่งซงมันคือซิอิ่ม และย่างเข้าไปนอนอยู่แจหนึ่งของห้อง
หมากินข้าวนั้นแล้วนอนเสีย บ่มีหยังเกิดขึ้น พ่อเจียซางพร้อมซาวบ้านต่างก็ดีอกดีใจไปตามกัน พวกเขาคิดว่า ข่าและใบส้มลม มาประสมกับข้าว เฮ็ดให้ข้าวมีกินแบบธรรมซาติ เป็นอันว่าพวกเขาจะบ่ตายหิวอีกแล้ว
ซาวซนบทที่มีถิ่นฐานอยู่ในเขตป่าดงพงไพร โดยสะเพาะประซาซนเผ่าม้ง เผ่าข่ามุ ละดูใดหากฟ้าบ่อำนวย แห้งแล้ง บ่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวไฮ่ ข้าวนาได้ พวกเขาอาศัยพืชพันธุ์ธัญญาหารธรรมซาติอยู่ในป่า เพื่อซุบเลี้ยงซีวิต อาหารพวกนั้น คือ มันป่า กลอย ต้นบ้าง ต้นตาว หมากปี หน่อไม้ กบ เขียด ผักกูดและอื่น ๆ เพื่อซูซีวิตไปมื้อ ๆ เถิงว่าพวกศัตรูจะทำการปิดล้อม กวาดล้างแนวใด ประซาซนเขตพื้นฐานก็สามารถเอาซีวิตอยู่รอด
หมากินข้าวนั้นแล้ว บ่เพียงแต่บ่ตาย หากยังแข็งแฮง แล่นไปทั่วบ้านด้วยความซื่นบาน พ่อเจียซางเห็นเซ่นนั้นก็เอาข้าวหลามที่สุกแล้วมาหย้ำกิน ทั้งกินทั้งฟังเบิ่ง บ่มีกลิ่นเหม็น กินตามกินพ่อก็ฮู้สึกอิ่ม จากนั้นบ่เท่าใดซั่วโมง พ่อฮู้กาดไปทั่วบ้าน ประกาศไปยังสำนักงานองค์การของเมืองในขงเขต ทีเฮือบินหว่านยาพิษ ทราบเกี่ยวกับวิธีการเฮ็ดให้ข้าวบ่มีกลิ่นเหม็น เฮ็ดให้ธาตุเบื่อในอาหารหมดไป เพราะใบส้มลมและข่า เป็นยาแก้พิษชนิดดีเลิศ เป็นต้นไม้เทวดาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ในขณะที่ข้าพเจ้าพวมเขียนบททวนคืนหลังเหล้มนี้ บางทีพ่อเจียซางอาจจะหมดบุญ เพราะอายุของเพิ่นคงซิบ่อยู่นำพวกเฮาเถิงมื้อนี้ แต่ทุกเมื่อเวลา ข้าพเจ้ายังคิดเถิงเพิ่น คิดเถิงพ่อผู้ใจดีของซนเผ่าม้ง เพิ่นบ่ฮู้อ่านฮู้เขียน แต่ในสายตาของเพิ่น จั่งแม่นสลาดส่องใส ที่สามารถกอบกู้เอาซีวิต ด้วยการเอาต้นไม้ ที่ต้านภัยยาเบื่อของอเมริกา มากอบกู้เอาซีวิตของทุกคน ต่อปัญหาดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ นักค้นคว้า ควรนำเอามาเป็นบทเฮียน และวิเคราะห์คงจะเป็นการดี
ข้าพเจ้าอยากเขียนตื่ม ปี ๑๙๗๐ ภายหลังกลับจากการไปปฏิบัติงานอยู่แนวหลังของศัตรู พวกเฮาได้รายงานผลสำเร็จดังกล่าวต่อขั้นเทิงเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าเองล้มป่วย ทางการได้ส่งข้าพเจ้าไปปิ่นปัวอยู่กุยหลิน ประเทศจีน ปี ๑๙๗๑ สุขภาพของข้าพเจ้าดีขึ้น ปี ๑๙๗๓ ภรรยาข้าพเจ้าประสูติลูกผู้ที่สาม สิ่งที่เฮ็ดให้ข้าพเจ้าภาคภูมิใจที่สุด แม่นลูกของตนตลอดปลอดภัย สูง ๑.๗๖ แม็ต น้ำหนักเจ็ดสิบกิโล เป็นครูฝึกกีฬาเต็กควันโด บางทีอาจม่นย้อนข่าและใบส้มลม ที่แก้ธาตุเบื่อของอาเมริกา จึงเฮ็ดให้พวกเฮารอดพ้นจากการถืกธาตุเบื่อดังกล่าว ต่อมาภรรยาของสหายสมสะหวาด เล่งสะหวัด ก็ประสูติลูกสาวกกที่แข็งแฮงเช่นกัน
ในเวลาที่พ่อเจียซางผะลิตยาแก้พิษสำเร็จผล ข้าพเจ้าและสหายยัวเน้ง พากันไปบ้านปาแม เพื่อระดมขนขวายเกี่ยวกับแนวข้าวปลูก ตามมติตกลงของคณะนำเขตผาละแวกและยอดงึ่ม พยายามแบ่งปันจำนวนข้าวสี่ไฮ่ที่ยังบ่ทันถืกโฮยยาพิษ ข้าวจำนวนนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่งแบ่งให้เจ้าของไฮ่ ส่วนที่สองแบ่งให้พวกพนักงานที่เสียองคะ ทหารหลวงที่เดินทางไปมา อีกส่วนหนึ่งแม่นแบ่งไว้เป็นแนวข้าวปลูก
ฮอดบ้านปาแม เมื่อถามเถิงการเก็บเกี่ยว ประซาซนให้ฮู้ว่า ไฮ่สี่ผืนได้ทำการเก็บเกี่ยวสำเร็จ และได้ทำการแบ่งปันกันหมดแล้ว ข่าวดังกล่าวเฮ็ดให้พวกเฮาตกสะเง้อ ตกขะหม่า พร้อมทั้งถามขึ้นว่า
“แบ่งปันกันแนวใด”
“แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งไว้เป็นแนวข้าวปลูก ส่วนหนึ่งเป็นข้าวประกอบซ่วยซาติ อีกส่วนหนึ่งแบ่งให้ซาวบ้าน ไล่ตามหัวคน แม่ญิงที่ตั้งท้องได้ฮับสองส่วน อีกส่วนหนึ่งให้แม่ อีกส่วนหนึ่งให้ลูกที่พวมอยู่ในท้องแม่”
“คันซั้น พวกครอบครัวที่มีไฮ่ บ่ได้ทำการแบ่งปันซั้นบ้อ”
“นั้นแม่นความเห็นของเขาเจ้า ความเห็นของเขาเจ้าก็เป็นคำเห็นรวมของทุกคนหั้นละ”
ที่แท้การแบ่งปันของซาวบ้านแม่นถืกต้องที่สุด เพราะพวกเขาฮู้จักนับถือฮักแพงกัน เขาเบิ่งกันด้วยความฮักแบบยาวนาน มีทีเจ้าทีข้อย บ่เห็นแก่ตัว เพราะใต้การนำของคณะพรรค ซาวบ้านฮู้ดำรงซีวิตแบบรวมหมู่ ทุกการแบ่งปันแม่นเสมอภาพ ยุติธรรม ทุกครอบครัวล้วนแต่มีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่สิ่งที่พวกเขาเป็นเอกภาพกัน แม่นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อภารกิจปลดปล่อยซาติ ปลดปล่อยประซาซนจากความทุกข์ยากกรากกรำ พวกเขาถืออุดมการณ์ปฏิวัติเป็นภารกิจรวมของทุกคน มีหน้าที่เลี้ยงเกือกองกำลังปฏิวัติ โดยสะเพาะแม่นกองทหาร พนักงานที่กายไปมา
แง่คิดในการประยุกต์ใช้ข่าและเครือส้มลม
ฝนเหลืองเป็นสารพิษทางเคมีที่ร้ายแรงที่สุด ร้ายแรงกว่าพิษของสารเคมีที่เราใช้กำจัดหญ้าและแมลงต่าง ๆ กล่าวคือร้ายแรงกว่า ฟูราดาล ร้ายแรงกว่าดีดีที ร้ายแรงกว่ายาฆ่าหญ้าฆ่าปลวก และร้ายแรงกว่า ปุ๋ยเคมี แต่ข่าป่าและใบส้มลมกลับสามารถป้องกันและสลายพิษฝนเหลืองได้ด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอให้พวกเราที่สนใจเรื่องสมุนไพร นำความรู้นี้ไปคิด ไปต่อยอด เพื่อสร้างตำรับยาสมุนไพรจากตัวยาสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ เพื่อนำไปแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดที่เกิดจากสารเคมีหรือสารพิษต่าง ๆ ให้ได้ โดยแปรรูปให้ทันสมัย ให้มีประสิทธิภาพ สะดวกและง่ายต่อการใช้ เช่น ทำน้ำล้างพืชผักแทนด่างทับทิม ทำเครื่องแกงต้านสารพิษ ทำปลาแดกบองต้านสารพิษ บดเป็นผงชงเป็นชา หรือใส่ในกาแฟ หรือในโอวัลตีนเพื่อป้องกันและสลายสารพิษในร่างกาย เป็นต้น
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว คืออาจารย์ ดร.สุภณ สมจิตรศรีปัญญา ผู้ล่วงลับ ท่านรักษาโรคแสบหมากโหก (เข้าใจว่าคือโรคกรดไหลย้อน) หายด้วยเครือส้มลม ด้วยการนำมาต้มกิน
คุณบุญมี พลลาภ เป็นโรคมะเร็งในปอดและในถุงน้ำดี หมอบอกไม่มีทางรักษา จำต้องออกมาหาสมุนไพรกิน ก็โชคดีหายด้วยกินเครือส้มลมนี่เอง เป็นที่น่ามหัศจรรย์มาก
ด้วยเหตุนี้ ผู้แปลจึงใคร่ขอเชิญทุกท่านนะครับ ช่วยกันคิด ช่วยกันประยุกต์ในการสร้างตำรับยาสมุนไพรเพื่อใช้ในการป้องกันและรักษาโรคอันเนื่องมาจากสารพิษ จักเป็นอานิสงส์แก่วงการแพทย์แผนโบราณของไทยสืบไป
ขอบคุณภาพประกอบจาก medthai.com
***
คอลัมน์ คองอีศาน นิตยสารทางอีศาน ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๘๙ | กันยายน ๒๕๖๒
.
ราคาเล่มละ ๑๐๐ บาท
สมัครสมาชิก ครึ่งปี ๖๐๐ บาท
หนึ่งปี ๑,๑๐๐ บาท
ตลอดชีพ ๙,๕๐๐ บาท (ได้รับหนังสือย้อนหลัง)
.
สั่งซื้อ// ชำระเงิน // สอบถามเพิ่มเติม ได้ทาง
inbox หนังสืออีศาน m.me/166200246799901
line id : @chonniyom (มี@) คลิก https://lin.ee/amxqtvW
อีบุค ที่ www.mebmarket.com
โทร. 086-378-2516
บริษัท ทางอีศาน จำกัด
244/539 รามอินทราซอย 5 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. 10220