ความเร้นลับแห่งวาติกัน (๒) ยิ่งกว่ารหัสลับดาวินชี

ความเร้นลับแห่งวาติกัน (๒)

    ยิ่งกว่ารหัสลับดาวินชี

# ธนาคารวาติกันกับปัญหาคอร์รัปชั่น

ที่เรียกกันว่า “ธนาคารวาติกัน” มีชื่อจริงว่า “สถาบันกิจการเพื่อศาสนา” (Istituto per le Opere di Religione IOR) เป็นสถาบันอิสระ ไม่ขึ้นต่อวาติกันโดยตรง แต่ทำหน้าที่บริหารการเงินให้วาติกัน โดยมีพระคาร์ดินัล 5 องค์เป็นคณะกรรมการบริหาร และมีฆราวาสเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ

ธนาคารนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1942 โดยพระสันตะปาปาปีอุสที่ 12 โดยไม่มีการเปิดเผยสถานะรายละเอียดทางการเงินให้สาธารณะทราบ จึงมีแต่ข้อสงสัยและทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับการเงินของวาติกัน ซึ่งไม่อาจนับได้ว่ามีเท่าไร ทราบแต่ว่ามีมากมายมหาศาลทั่วโลก เป็นสินทรัพย์ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หุ้นในบริษัทต่าง ๆ ในตลาดหุ้น องค์กรเอกชน องค์กรสาธารณะไม่แสวงกำไร ทั้งของวาติกันเองและของแต่ละสังฆมณฑลในประเทศต่าง ๆ ซึ่งไม่มีข้อมูลที่เปิดเผย แม้หลายประเทศอย่างเยอรมนีมีความพยายามสืบค้นหาข้อมูลก็ทำไม่ได้

พระสันตะปาปาปอลที่ 6 ได้แต่งตั้งให้พระสังฆราชพอล มาซิงคุส ดูแลธนาคารนี้ เป็นเพื่อนสนิทชาวอเมริกัน เป็นคนร่างสูงใหญ่ กลายเป็นบอดี้การ์ดเป็นเงาตามพระองค์ไปในการเดินทาง โดยเฉพาะในต่างประเทศ และเป็นข่าวเนือง ๆ ว่า ไปเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน แหล่งฟอกเงินสีเทา ไปเกี่ยวกับมาเฟีย แต่ก็ไม่มีใครแตะต้องได้

ธนาคารวาติกันได้กลายเป็นที่ผ่านเงิน ฟอกเงินของบรรดานักการเมือง มาเฟีย นักค้าธุรกิจสีเทาใต้ดิน ผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาษี แม้ทางการอิตาลีจะพยายามสืบสวนสอบสวน ก็ตรวจสอบและจัดการได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

เมื่อพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ถึงแก่อสัญกรรม ได้พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 1 ที่แสดงเจตจำนงที่จะปฏิรูปสำนักวาติกัน (Curia Romana) ศูนย์กลางการบริหารงาน รวมทั้งการเงินการธนาคารที่มีภาพลักษณ์ไม่ดี  พระสันตะปาปาอยู่ในตำแหน่งเพียง 33 วันก็ถึงแก่อสัญกรรมด้วยสาเหตุ “หัวใจวาย”  ซึ่งทั่วโลกกังขามาจนถึงวันนี้ว่า สาเหตุเพราะโรคหัวใจหรือมีคนทำให้ถึงแก่อสัญกรรม

มาถึงพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์ เป็นที่ประหลาดใจผู้คนทั่วโลกเพราะเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกในห้าร้อยปีที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลียน และยังมาจากประเทศคอมมิวนิสต์อีกด้วย

พระสันตะปาปาพระองค์นี้สนใจเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ และสถานการณ์ของพระศาสนจักรในโลกมากกว่าเรื่องภายในวาติกัน จึงไม่ได้แตะต้องปัญหาต่าง ๆ ปล่อยให้ “มาซิงกุส” ทำหน้าที่ทางการเงิน โดยไม่สนใจว่าเงินมาจากไหนบ้าง

เรื่องธนาคารวาติกัน ปัญหาคอร์รัปชั่นถูกเปิดเผยออกมาในสมัยของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 มีความลึกลับซับซ้อนยิ่งกว่า “รหัสลับดาวินชี”  ที่มีการวิเคราะห์ว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ลาออกจากการทำหน้าที่พระสันตะปาปา ที่จะพูดถึงในรายละเอียดต่อไป

# วาติกันกับการเมือง

เมื่อพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 1 ถึงแก่อสัญกรรม พระคาร์ดินัลวอยติลาได้รับเลือก ตอนแรกที่มีการประกาศ คนไม่รู้จักชื่อนี้ นึกว่าเป็นคนแอฟริกัน แต่ก็ตื่นเต้นกันมากเมื่อทราบว่าเป็นชาวโปแลนด์ เป็นคาร์ดินัลที่ทำงานกับ “สัตบุรุษ” กับวัด กับชุมชนมาตลอด  เคยไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกทางเทวศาสตร์ที่กรุงโรม จึงพูดภาษาอิตาเลียนได้ดี

พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 เป็นคนพูดเก่ง สื่อสารกับประชาชนได้ดี แสดงบทบาทเป็นนักการทูตนักการเมืองในฐานะประมุขของรัฐวาติกัน เสด็จเยี่ยมโปแลนด์บ้านเกิดที่ยังเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ ในฐานะประมุขรัฐและเริ่มบทบาททางการเมือง สะเทือนรัฐบาลคอมมิวนิสต์ และสะเทือนสหภาพโซเวียต

พระสันตะปาปาวอยติลาเกิดและเติบโตมาในรัฐคอมมิวนิสต์ ผ่านชีวิตที่ลำบากตั้งแต่วัยเด็ก ท่านจึงตั้งใจว่า จะต้องทำหน้าที่ทางการเมืองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ได้ ท่านทราบดีว่า ทุกคำพูดของท่านมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ ท่านพูดถึงคน สิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีมนุษย์ ความรับผิดชอบ ความสำคัญอันดับต้นของคนเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งตรงกันข้ามกับฐานคิดของประเทศคอมมิวนิสต์ที่คนเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรทางสังคม

สิ่งที่พระสันตะปาปาพูดแพร่ข้ามแดนไปยังประเทศอื่น เชคโกสโลวาเกีย ลิทัวเนีย ยูเครน ซึ่งยังมีคาทอลิกอยู่จำนวนมาก ท่านตั้งใจพูดกับชาวสลาฟ ชาวยุโรปตะวันออกที่อยู่ใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียต

ซึ่งก็ได้ผล เพราะเพียงปีเดียวแรงงานโปแลนด์ 10 ล้านคนก็นัดหยุดงาน 2 อาทิตย์ ภายใต้การนำของเลค วาเวนซา ขบวนการสามัคคี-สหภาพแรงงานสามัคคี (Solidarity Movement – Solidarity Union) มีสมาชิกถึง 10 ล้านคน มีการรวมกันในมิสซากลางแจ้ง โป๊ปได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อสหภาพโซเวียต

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น วันที่ 13 พฤษภาคม 1981 พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ถูกยิงท่ามกลางผู้คนสองหมื่นที่ลานพระวิหารเซนปิเตอร์ คนยิงเป็นชาวเติร์ก สงสัยกันว่าสหภาพโซเวียตเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ทำหน้าที่ทางการเมืองต่อไป พบกับประธานาธิบดีเรแกนของสหรัฐในปี 1982 และร่วมกันให้การสนับสนุนการเงินแก่ขบวนการสามัคคีที่โปแลนด์ที่ต่อต้านโซเวียต และเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโปแลนด์  ที่สุดในปี 1989 กำแพงเบอร์ลินก็พังทลาย ระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศยุโรปตะวันออกล้มเป็นดอมิโน เครือข่ายของสหภาพโซเวียตล้มทั้งกระดาน รวมทั้งสหภาพโซเวียตเองที่ค่อย ๆ แตกสลายกลายเป็นประเทศเอกราชน้อยใหญ่หลายประเทศ

แต่การแสวงหาสันติภาพของพระสันตะปาปาจอห์นปอลก็คงต้องทำต่อไป เพราะที่สุดสงครามก็เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าในยูโกสลาเวีย ที่รบกันหนัก แยกเป็นประเทศอิสระต่าง ๆ  สงครามในแอฟริกา ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรูอันดา และอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะสงครามยืดเยื้อขยายวงในตะวันออกกลาง

พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 อยู่ในตำแหน่งถึง 26 ปี ในบั้นปลายชีวิตสุขภาพไม่ดี เป็นพาร์กินสัน แต่ก็ยังมีสุขภาพดีพอที่จะปราศรัยในโอกาสสำคัญ ท่านถึงแก่อสัญกรรม 2 เมษายน 2005 ผู้นำประเทศกว่า 100 คนจากทั่วโลกไปร่วมพิธีศพที่ลานพระวิหารเซนต์ปิเตอร์  รำลึกถึงผู้นำศาสนา ประมุขรัฐเล็ก ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการนำสันติภาพมาสู่โลก และการสิ้นสุดสงครามเย็น

# ข่าวร้ายรุนแรง

พระคาร์ดินัลรัตซิงเกอร์ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เป็นนักเทวศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เคยเป็นอาจารย์ที่ทือบิงเก็น เคยเป็นสังฆราชประมุขสังฆมณฑลมิวนิก และเป็นผู้รับผิดชอบกระทรวงหลักความเชื่อ (dogma) ที่วาติกัน

ท่านเป็นที่ปรึกษาหนุ่มในสังคายนาวาติกันที่ 2  เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของพระคารดินัลฟริงซ์ แห่งโคโลญ ผู้ซึ่งเป็นนักเทวศาสตร์เช่นเดียวกัน และเป็นประธานสภาพระสังฆราชเยอรมัน

(พระคาร์ดินัลฟริงซ์ได้รับการเคารพยกย่องจากชาวเยอรมันอย่างยิ่ง ศึกษาจบปริญญาเอกทางเทวศาสตร์ เป็นผู้นำคาทอลิกต่อต้านนาซี มีคำขวัญที่ไม่เหมือนใครว่า “ได้รับการแต่งตั้งเพื่อประชาชน” (Pro Hominibus Constitutus – Appointed for the People) เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรศาสนาที่ระดมทุนช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา (รวมทั้งไทย) คือ Misereor (1958) สำหรับทั่วโลก และ Adveniat (1961) สำหรับละตินอเมริกา)

พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 มาในช่วงที่พระศาสนจักรกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติที่รุนแรง โดยมีการเปิดเผยเรื่องการละเมิดทางเพศเด็กของนักบวช และปัญหาการฉ้อฉลคอร์รัปชั่นในธนาคารวาติกัน

เรื่องราวต่าง ๆ ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะในไอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และทยอยตามกันมาทุกทวีป มีการร้องต่อสาธารณะและต่อศาลว่าเรื่องเหล่านี้ถูกปิดเงียบจากผู้บริหารของพระศาสนจักร ทำให้พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ให้มีการชดเชยเยียวยากรณีต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาถึงกว่า 120,000 ล้านบาท จนบางสังฆมณฑลล้มละลายทางการเงิน

พระสันตะปาปาทรงประณามความผิดทั้งหมดของบาทหลวง นักบวช และประกาศให้พระศาสนจักรทุกแห่งร่วมมือกับกฎหมายบ้านเมือง (civil laws) ไม่ต้องรอให้ใช้กฎหมายของพระศาสนจักร (canon laws)  เพราะไม่ได้มีแต่ความยุติธรรมของ “สวรรค์”  แต่มีความยุติธรรมของ “บ้านเมือง” ด้วย

อย่างไรก็ดี ภาพลักษณ์ทั่วไปกลับเลวลง เพราะท่านไม่มีความสามารถในการสื่อสารเหมือนกับพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2  ทรงมอบงานให้พระคาร์ดินัลแบร์โตเน ผู้บริหารสูงสุดของวาติกันเป็นคนทำหน้าที่สื่อสาร ซึ่งปรากฏว่าทำได้ไม่ดี ไปแสดงทัศนะโบราณ พยายามปกป้องคนทำผิด ทำให้เสียหายงานที่พระสันตะปาปาได้ทำมาทั้งหมด (จนมีคนคิดว่าท่าน “วางยา” พระสันตะปาปา จงใจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก)

คาร์ดินัลแบร์โตเนเป็นผู้มีอิทธิพลในวาติกัน เวลาไปพบพระสันตะปาปาจะปิดประตู และออกมาพร้อมกับเอกสารที่มีลายเซ็นของพระสันตะปาปา ท่านจะได้สิ่งที่ต้องการจากโป๊ปเสมอ

“เสรี พพ”  25 กันยายน 2021

WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com