ห้องแสดงภาพจัดได้สวยงามเพราะเจ้าของเป็นศิลปิน ด้านหลังมีสวนประติมากรรมไว้เป็นที่เดินเล่นสนทนากันและจัดเลี้ยง.
วันเปิดการแสดง มีภาพจิตรกรรมชิ้นหนึ่งแขวนไว้ในสวนประติมากรรม. เจ้าของสถานที่ไม่รู้ว่าเป็นรูปของใครแต่ให้นำมาติดตั้งไว้ในห้องแสดงภาพ เพราะเป็นงานที่ดีชิ้นหนึ่ง. ให้ตามหาเจ้าของภาพมาพบและบอกว่าธรรมดาภาพจิตรกรรมต้องอยู่ภายในอาคาร สมัยโบราณอยู่ในถ้ำกันน้ำฝนแสงแดดสายลมทำลาย. จิตรกรรมทั้งหลายก็อยู่ในตึกทั้งนั้นเพื่อป้องกันความเสียหาย. เจ้าของผลงานตอบว่าคุณไม่เข้าใจอะไรเลย ในต่างประเทศบางแห่งก็มีจิตรกรรมในสวนเหมือนกัน.
เจ้าของสถานที่ตอบว่า ฝรั่งก็มิใช่จะถูกต้องดีงามเสมอไป และความแปลกใหม่ก็มิใช่คุณค่าในงานศิลปะ ความเป็นธรรมดาทรงค่าเสมอ ความแปลกใหม่ที่ไร้คุณค่าก็เป็นเพียงเตะตาเพื่อจะลืมเลือน.
เจ้าของผลงานถามว่าคุณมีเหตุผลอะไรอีกที่ไม่ยอมติดตั้งจิตรกรรมในสวน. เหตุผลสุดท้ายคือผมไม่ชอบ.
เจ้าของผลงานพิจารณาภาพบนผนังอยู่นานแล้วก้มลงกราบขอโทษที่ล่วงเกินหยาบคายในความคิดบัดนี้เขาเห็นแล้ว. เจ้าของสถานที่บอกว่าไม่เป็นไร “ความคิดที่ไม่ลงรอยกันทอประกายความคิดใหม่เสมอ.”
รูปนี้ขายได้เพราะเจ้าของห้องแสดงซื้อไว้เอง เขามารับเงินแล้วเงียบหาย ไม่มีรูปแสดงที่ไหนอีกราวกับเขาเขียนเพียงรูปเดียว แต่ก็โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในห้องแสดงนี้ราวเป็นแก้วมณีแห่งห้องศิลป์.
วันหนึ่งนักสะสมศิลปะมหาเศรษฐีซึ่งมีดวงตาเห็นความดีงามมากมายมหาศาล มากมายกว่าเงินในธนาคาร มาซื้อผลงานนี้ไปในราคาสูง. เจ้าของห้องแสดงตามหาเจ้าของผลงานเพื่อคืนผลกำไรให้ตามสมควรแต่ติดต่อไม่ได้. เขาเป็นใครสร้างจิตรกรรมไว้ภาพเดียวเพื่อไขปริศนาอะไร คล้ายจะบอกว่า “ศิลปะชั้นเยี่ยมแม้เพียงชิ้นก็พอแก่ความบากบั่นตลอดชีวิต.”