บอนเตียสเรย หรือบันทายสรี เป็นปราสาทหินในกัมพูชา ที่ได้รับสมญานามว่าเป็น “รัตนชาติที่แท้ของศิลปะเขมร” (The True Gem of Khmer Architecture) เพราะเป็นปราสาทหลังเล็กๆ แต่จำหลักลายวิจิตรตระการตา จัดเป็นงานประติมากรรมแบบ “นูนสูง” คือคว้านหินลงไปลึกถึง ๒ องคุลี หรือ ๒ ข้อนิ้ว กระทั่งลวดลายพรรณพฤกษาแทบจะพลิ้วไหวได้ในยามต้องลมแรง
อีกทั้งเรื่องราวที่แกะสลักเป็น “เทพปกรณัม” หรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้าฮินดูในฉากที่หาชมที่อื่นได้ยาก อาทิ ฉากนรสิงหาวตาร (พระนารายณ์อวตารเป็น “นรสิงห์” กำลังใช้กรงเล็บฉีกร่างของอสูรร้ายตนหนึ่ง) หรือฉาก “คช
ลักษมี” เป็นภาพช้างสองเชือกชูงวงที่จับคนโทน้ำราดรดลงมายังเทพสตรีที่ประทับนั่งด้านล่าง คือพระนางลักษมี – เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์ พระนางถือกำเนิดขึ้นจากมหกรรมกวนเกษียรสมุทร หรือการทำให้ทะเลน้ำนมกระเพื่อม เพื่อเทวดาจะได้น้ำอมฤตมาดื่มกินให้ชีวิตเป็นอมตะแต่ก่อนจะได้น้ำอมฤต มีเทวีรูปงามประทับนั่งเหนือดอกบัว ผุดขึ้นมาจากทะเลน้ำนม ความงามของนางตราตรึงใจพระนารายณ์ยิ่งนัก จึงอัญเชิญนางมาเป็นเทวีอยู่เคียงข้าง ดังนั้น “คชลักษมี” จึงเล่าฉากชำระล้างร่างกาย ก่อนนำลักษมีเทวีเข้าพิธีสยุมพร (แต่งงาน) กับพระนารายณ์
คตินิยมในการประดับภาพนี้ไว้ที่เหนือประตูทางเข้าเทวสถาน ก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์อำนวยอวยพรให้ผู้แสวงบุญเดินผ่านได้รับพร คือ ความมั่งมูนมั่งมีและโชคดีมีชัยนั่นเอง
คชลักษมีที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่
คชลักษมีที่บันทายสรี
ผมอาจไปเที่ยวชมปราสาทหินในกัมพูชายังไม่ครบทุกปราสาท แต่เท่าที่ได้ประจักษ์ตาปราสาท สำคัญ ๆ มาแล้วหลายแห่ง ก็เห็น “บันทายสรี” แห่งเดียวที่มีภาพ “คชลักษมี” หรือ “สยุมพรเทวี”
แล้ววันหนึ่ง เมื่อผมได้ไปเยือนปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย ศรีสะเกษ ผมตื่นเต้น เมื่อเห็นภาพ “คชลักษมี” ปรากฏที่ทับหลังเหนือประตูทางเข้าบรรณาลัยฝั่งทิศใต้แน่นอนว่า ฝีไม้ลายมือ หรือความเนี๊ยบเทียบไม่
ติดบันทายสรี เพราะเป็นฝีมือช่างพื้นถิ่น แต่ดูองค์ประกอบและความตั้งใจแล้ว ถ้าได้หินทรายชั้นดีสีชมพูมาแกะสลัก ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ห่างชั้นจากภาพ “สยุมพรเทวี” ที่บันทายศรีมากนัก
ที่สำคัญ ผมนึกไม่ถึงว่าปราสาทของชุมชนท้องถิ่น อย่าง “สระกำแพงใหญ่” ซึ่งมีพระนามจริงในศิลาจารึกว่า “ศรีพฤเธศร” จะมีภาพนี้ปรากฏ ทั้ง ๆ ที่ความจริง “ศรีพฤเธศร” เป็นพระนามที่ยกย่องสรรเสริญพระอิศวร หรือพระ
ศิวะ และ “ศรีพฤเธศร” ก็เป็นเทวสถานฮินดูลัทธิไศวะนิกาย คือสร้างถวายพระศิวะในฐานะมหาเทพ หรือประมุขเทพ แต่ก็เทิดทูนบูชาเทพองค์อื่นอย่างวิษณุเทพ หรือพระนารายณ์ด้วย จึงมีทั้งภาพ “คชลักษมี” และ “นารายณ์บรรทมสินธุ์” ปรากฏให้เห็น
ด้วยเหตุนี้ ใครบอกว่าถ้าได้ไปดูปราสาทหินในกัมพูชาแล้ว ก็ไม่ต้องไปดูปราสาทหินที่ไหนอีก ก็อย่าหลงเชื่อทีเดียวครับ
ภาพนรสิงหาวตาร
ปราสาทสระกำแพงใหญ่ หรือศรีพฤเธศวร
ปราสาทบันทายสรีในกัมพูชา