นิมิตใหม่ประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย การเดินเข้าคูหากากบาทเลือกตั้งใช้เวลาไม่นาน แต่กิจกรรมที่คนมีสิทธิ์จำนวน 51 ล้าน 8 แสนคนร่วมกันปฏิบัติทั้งแผ่นดิน ที่ใช้บุคลากรและงบประมาณมหาศาล มีเบื้องหลังที่ต้องต่อสู้ ผลักดันออกกฎกติกาชิงการได้เปรียบกันมากมายกว่าจะถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 และผลจากคะแนนเสียงยังเป็นเกมการเมืองหลังเลือกตั้งที่ต้องต่อสู้กันอีกอย่างดุเดือด นี่จึงเป็นกิจกรรมที่เป็นเรื่องความเป็นความตายของประเทศ
การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ไปใช้สิทธิ์ล่วงหน้าร้อยละ 84.7 ของผู้แจ้งลงทะเบียนไว้ มีผู้ใช้สิทธิ์ตามวันเลือกตั้งไปลงคะแนนจำนวนมากพอสมควรด้วยสาเหตุที่ทิ้งช่วงการเลือกตั้งมาร่วมสิบปี คนที่มีสิทธิ์ลงคะแนนครั้งแรกมีจำนวนมาก ผู้คนอึดอัดกับบรรยากาศเผด็จการ และขุ่นเคืองภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่
แม้เว้นวรรคการเลือกตั้งมานาน เมื่อเสียงปี่กลองดังขึ้นอีก พรรคการเมืองหน้าเดิมยังคึกคัก โดยมีทายาทผู้แทนเก่า ๆ ก้าวขึ้นมาเสนอตัวจากหลายตระกูลมีนโยบายประชานิยมเพื่อดูดคะแนน ในทางตรงกันข้าม มีพรรคที่เสนอนโยบายเป็นรูปธรรมมีพรรคเกิดใหม่โดดเด่นในจุดยืนอุดมการณ์เกิดขึ้น
โดยรวมแล้ว พรรคการเมืองส่วนมากมาจากการรวมตัวและความคิดหวังของชนชั้นนำ ขณะที่กิจกรรมเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนยังเป็นเพียงเสียงหนึ่งเสียง ที่พรรคส่วนใหญ่ระดมรวบรวมเพื่อสร้างฐานความชอบธรรมก้าวเข้าสู่อำนาจ ทั้งนี้เพราะประชาชนยังพากันหาเช้ากินค่ำ พอกพูนด้วยหนี้สินสยบระบบอุปถัมภ์ เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร และขาดพลังชีวิต
ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นนิมิตใหม่ประชาธิปไตย สังคมไทยยังต้องผ่านการเลือกตั้งอีกหลายครั้ง จนถึงขั้นผู้มีสิทธิ์เสียงส่วนมากโดยเฉพาะตามหัวเมือง ได้เข้าร่วมในกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่ต้นทาง คือ การมองทะลุปัญหาและเห็นทางแก้ปัญหาร่วมกัน การร่วมกำหนดนโยบาย การร่วมก่อตั้งพรรค การคัดสรร ตรวจสอบ ผู้มีคุณธรรมความสามารถขึ้นเสนอตัวทำงานบริหารประเทศโดยสมาชิกพรรคทุกคนถือผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง