ปลดล็อคสุราไทย
เชื่อไหมว่า เหล้าสาเกของญี่ปุ่นมาจากสาโทของไทย อะวาโมริของญี่ปุ่นมาจากเหล้าขาวของไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จากภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษไทยได้สั่งสมมานับพันปี ไม่เชื่อให้ไปถามอาจารย์พิเชษฐ เวชวิฐาน คณบดีคณะทรัพยากรธรรมชาติ มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร
อาจารย์พิเชษฐไปศึกษาดูงานและการฝึกอบรมครึ่งปีที่ญี่ปุ่นหลายปีก่อนเล่าให้ฟังว่า ในการปฐมนิเทศก์ อาจารย์ญี่ปุ่นท่านหนึ่งเสนองานวิจัยที่ยืนยันเรื่องที่มาของเหล้าดังกล่าวเพื่อให้เกียรติไทย
ญี่ปุ่นชื่นชมภูมิปัญญาไทย นำไปสืบทอด นำไปขยายผลจนกลายเป็นซอฟท์พาวเวอร์โด่งดังไปทั่วโลก แล้วยังมีอีกมากมายหลายอย่างที่ญี่ปุ่นนำไปวิจัย ไปจดสิทธิบัตร ไม่ว่าเปล้าน้อย กวาวเครือขาว เห็ดรักษามะเร็ง รวมถึงผักเชียงดารักษาเบาหวาน ต้มยำต้านมะเร็ง ต้องให้ญี่ปุ่นวิจัยแล้วมาบอกไทย
ตั้งแต่ประเทศไทยมีแผนพัฒนาฯ มากว่า 60 ปี ได้เขียนในบทความ (ทางอีศานฉบับ 71 มีนาคม 2561) เรื่อง “ข้าว มะพร้าว กัญชา” ว่าเราถูกฝรั่งหลอกมานาน เพิ่งมารู้ว่า ข้าวไทยดีที่สุด ไม่ได้เป็นแค่อาหาร แต่เป็นยา เช่นเดียวกับมะพร้าว น้ำมันมะพร้าว กะทิ และกัญชา
สุราก็ไม่ต่างจาก 3 เรื่องดังกล่าว คราวนี้เป็นไทยที่หลอกคนไทยกันเองด้วยเหตุผลร้อยแปดว่า ทำไมไม่ให้ “ชาวบ้าน” ต้มเหล้ากินเอง ขายเอง นอกจากจะละเลยภูมิปัญญาแล้วยังเหยียบย่ำครอบงำด้วยทุนสามานย์ที่ผูกขาดการผลิตเหล้า ทำเหล้าเลวๆ มอมเมาประชาชนมากว่า 60 ปี ที่เรามีแต่ “ความทันสมัยที่ไม่พัฒนา”
ประทศพัฒนาแล้วเขามีเหล้า ไวน์ เบียร์ เป็นพันเป็นหมื่นยี่ห้อ เอาแค่รัฐบาวาเรียรัฐเดียวของเยอรมนีก็มีเบียร์กว่า 2,000 ยี่ห้อ ทุกหมู่บ้านมีเบียร์ของตนเอง ไม่นับอารามนักบวชอีกหลายสิบที่ผลิตเบียร์มานับพันปี จนมีบางแห่งได้รางวัลชนะเลิศเบียร์โลก เปิดร้านอาหาร ร้านเบียร์ขายในหน้าร้อน นักท่องเที่ยวไปเต็ม
ไม่ต้องดูอื่นไกล แค่สปป.ลาว เพื่อนบ้านเราที่ต้มเหล้ากินเองที่บ้านได้แต่ไหนแต่ไร อยากทำขายก็ไปขออนุญาต จดทะเบียน ลาวจึงสืบทอดภูมิปัญญาที่มีมานับพันปีได้ดีกว่าไทย เหล้าลาวรสชาติดี ไม่มีบาดคอ คนไทยอยากกินเหล้าดีๆ ต้องข้ามไปฝั่งลาว หรือมีเงินก็กินเหล้านอก ของไทยอยากต้มต้องมุดดินต้ม
เมืองไทยปากว่าตาขยิบ มือถือสากปากถือศีล เลยเถิดไปจนรณรงค์ “ให้เหล้าเท่ากับแช่ง” ได้ผลอะไร คงไม่ต่างจากตักน้ำรดหัวเป็ด เอาโทษทัณฑ์ทางความเชื่อมาใช้ เช่นเดียวกับคุกตะรางทางกฎหมาย แต่คุกก็ไม่ได้ลดอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ อาชญากรรม ปัญหายาเสพติด
อุบัติเหตุที่สวิเดนแม้โดยรวมไม่มากก็หาทางแก้ไข ที่มาจากเมาแล้วขับลดลงได้ ไม่ใช่เพราะเพิ่มโทษ แต่เพราะการรณรงค์ “กินเหล้าให้เป็น” หรือ “กินอย่างมีสติ” จึงลดอุบัติเหตุได้กว่าครึ่ง
การเปิด “เหล้าเสรี” ที่ยุโรป อเมริกา หรือที่ลาว มีกี่คนที่ลุกขึ้นมาต้มเหล้ากินเอง หรือต้มขาย หรือกินจนเมามายนอนกลางถนน แล้วทำไมคนไทยต้องเป็นอย่างที่ “คุณพ่อรู้ดี” ทั้งหลายกลัวกัน
ปัญหาบ้านเราวันนี้ จึงไม่ใช่ไปสอนคนให้ตกปลา แต่ให้โอกาสจับปลาต่างหาก คนไทยต้มเหล้าเป็นมานับพันๆ ปี สืบทอดภูมิปัญญากันมาจนวันหนึ่งถึงยุค “การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม” ที่ให้คนรวยรวยก่อน แล้วค่อยยกระดับหรือ “ให้โอกาส” คนจนให้รวยตาม แต่ “โอกาส” แบบไหน
เพราะนายทุนต้มเหล้าขาย ให้ชาวบ้านปลูกข้าว ปลูกอ้อย รับจ้างทำเหล้า ขนเหล้า ซื้อเหล้าและกินเหล้า ไม่ต้องทำแข่ง เพราะอ้างว่า “ทำไม่เป็น” “อันตรายต่อผู้บริโภค” วาทกรรมหลอกที่ยังพร่ำบ่นกัน
แล้วทฤษฎีการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม (Unequal development theory) ในไทยก็ได้ผลจริง เกิดความเหลื่อมล้ำอันดับต้นๆ ของโลก ความไม่เท่าเทียมที่มาจากการผูกขาด คนต้มเหล้ารวย คนกินเหล้าจน
แล้วอำนาจนำ (hegemony) โดยทุนนิยมกับอำนาจนิยมก็ผสมผสานช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ตนเอง โดยไม่คิดว่า การเปิดเสรีการผลิตสุรา ไม่ใช่การมอมเมาประชาชน เพราะที่มีอยู่ก็เมาพอแล้ว แต่เป็นการส่งเสริมการพัฒนาประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ส่งเสริมประชาธิปไตย
รัฐบาลหลายปีก่อนเคยบอกประชาชนว่า “ต้มเหล้าเลยพี่น้อง กฎหมายอนุญาต” พอต้มเหล้ากันทั้งบ้านทั้งเมือง สุดท้ายเจ๊งกันทั้งประเทศ เหลือแต่ทุนผูกขาดเจ้าเก่า ที่แค่บอกร้านโชห่วยไม่ให้รับเหล้าชาวบ้าน ไม่ให้ขายขวดให้ชาวบ้าน ไม่ให้รถบรรทุกขนเหล้าชาวบ้าน แค่นี้ชาวบ้านก็ไปไม่เป็น ถูกตัดตอนการทำมาหากิน
ไม่รวมถึงภาษีและอื่นๆ ที่ทำให้ “ทุกคนเท่าเทียมกันทางกฎหมายและกฎกระทรวง” ที่กำหนดให้ผลิตวันละหมื่นลิตร 28 ดีกรี ให้โรงผลิตเบียร์มีกำลังผลิต 10 ล้านลิตรต่อปี ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ผลิตเพื่อขายในร้านไม่ต่ำกว่า 1 แสนลิตร ไม่เกิน 1 ล้านลิตรต่อปี เขียนกฎเหมือนมีเงายักษ์ถือกระบองอยู่ข้างหลัง
พรบ.สุราก้าวหน้าผ่านสภาวาระที่หนึ่ง ไม่ทราบว่ายักษ์หลายตัวจะรวมหัวกันสู้ ทำให้พรบ.นี้เป็นมวยล้มต้มคนดูไปในที่สุดหรือไม่ ถ้าประชาชนยังคงถูกครอบงำให้เป็น “hypocrite” (หน้าซื่อใจคด) มอมเมาให้เชื่อว่า พรบ.เหล้าจะทำให้คนไทยเมาทั้งบ้านทั้งเมือง เหมือนที่ว่ากัญชาจะทำให้คนไทยยิ้มทั้งวัน
สุราเสรีจะเกิดประโยชน์แก่ห่วงโซ่การผลิตทางการเกษตร แรงงาน เศรษฐกิจท้องถิ่นและของประเทศ มีการกระจายรายได้ พัฒนาการท่องเที่ยว อาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งมีหลากหลายเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ซึ่งจะมีเหล้า ไวน์ เบียร์เป็นพันชนิด เป็นซอฟท์พาวเวอร์ สืบทอดภูมิปัญญาโดยคนท้องถิ่นที่มีแนวคิดสร้างสรรค์
ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงสิทธิไปเลือกตั้ง แต่สิทธิในการทำมาหากิน การเป็นเจ้าของทรัพยากร การแสดงออกถึงศักยภาพของเจ้าของภูมิปัญญาโดยการสืบสาน ด้วยการประกอบการขนาดเล็กของคนเล็กๆ ที่มีทุนน้อย แต่จิตใจยิ่งใหญ่ด้วยไฟปรารถนา มุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และพัฒนา ถ้าได้โอกาส
เหล้ามีคุณมีโทษ อยู่ที่การกินการใช้ให้เป็น เหมือนกัญชา ที่เป็นยาได้ ทำให้คลายเครียดได้ ทำให้เมาก็ได้ ปลดล็อคกัญชาได้ก็ปลดล็อคสุราไทยได้
เสรี พงศ์พิศ สยามรัฐ 15 มิ.ย. 65 Fb Seri Phongphit
https://siamrath.co.th/n/356577