การล่อซื้อเพื่อสร้างหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดด้วยเงินหลักหมื่น แล้วยังค้นพบเงินสดในห้องทำงานของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้อีกหลายล้านบาท นับเป็นเรื่องทุจริตของราชการชั้นสูงคนหนึ่งที่ถูกจับได้ไล่ทันในรอบหลายปี เหตุการณ์คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันนี้ เราท่านคงจำได้เมื่อ ๑๒ ปีก่อน กระแสข่าวระบุมีนักการเมืองใหญ่จ้างชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปปล้นบ้านปลัดกระทรวงคมนาคม เจ้าของบอกมีทรัพย์สินเงินสดอยู่เพียงสี่ห้าล้านบาท แต่ผู้ต้องหาที่ถูกตามจับกุมได้ทั้งหมด เปิดปากบอกว่ามีเงินบรรจุในกระเป๋าจำนวนมากจนขนออกมาไม่หมด ในห้องเก็บซ่อนธนบัตรนั้นมีกลิ่นอับเหม็นคลุ้งไปทั่ว
ราษฎรหาเช้ากินคำอย่างเราท่าน ต่างได้ยินได้ฟังเสมอว่ามีการกินสินบาทคาดสินบนในกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ อยู่เสมอ แต่เห็นข่าวถูกดำเนินคดีก็เพียงการหาเศษหาเลยตามเบี้ยบ้ายรายทางของระดับชั้นผู้น้อย มาถึงบทสรุปความจริงที่ปรากฏมีความเลวร้ายยิ่งกว่าคำเล่าลือ
ตัวอย่างดังกรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เมื่อองคาพยพของกรมฯเป็นเช่นนี้ จะเรียกหาคุณภาพคุณธรรม ประสิทธิภาพน้ำยาอะไรไปพิทักษ์รักษาพัฒนาสรรพสิ่งสรรพชีวิต อันเป็นธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดำรงดำเนินมาของระบบนิเวศตั้งแต่กำเนิดโลกได้
ส่วนใหญ่เรามักเห็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยย่อยของกรมฯที่กระจายอยู่ตามชายป่าชายดงข้าราชการผู้น้อย หรืออาสาอัตราจ้างเหล่านั้นเขาอยู่กันอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีเงินเดือนแค่เศษเงินของเจ้านาย เบี้ยเลี้ยงได้บ้างไม่ได้บ้างไร้สวัสดิการ ไม่ต้องพูดถึงขวัญกำลังใจอะไรทั้งสิ้น แถมยังถูกกรอกหูให้มีทัศนะมองพี่น้องชาวบ้านเป็นผู้ร้าย ผู้ซึ่งจ้องแต่จะเข้าป่าล่าสัตว์ลักลอบตัดไม้
ถึงวันนี้ชัดเจนแล้วว่า ตัวระบบและกลไกอำนาจรัฐของไทย “เน่าใน” หมดแล้ว โดยมีโจรในเครื่องแบบเกาะกินอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองแม้สามเสาหลักค้ำอำนาจอธิปไตยในปัจจุบันก็เปรียบได้ดั่งเสาไม้ผุ ๆ ที่โงนเงนกลางขี้ตม