ยุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมRenaissance (3/3)

# ยุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมRenaissance (3/3)

# การปฏิรูปศาสนา

มาร์ติน ลูเธอร์ เป็นพระในคณะเอากุสตีเนียน เป็นอาจารย์สอนเทวศาสตร์ในมหาวิทยาลัยในเยอรมัน เป็นผู้นำสำคัญที่ให้กำเนิดนิกายโปรเตสแตนท์ โดยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปศาสนา ในปี 1517  นำข้อประท้วง 95 ข้อไปติดที่ประตูโบสถ์เมืองวิตเทนเบอร์ก ประณามความฉ้อฉล ศาสนพาณิชย์ ขายบุญเพื่อให้ได้เงินสร้างโบสถ์วิหาร โดยเฉพาะเซนต์ปิเตอร์ที่กรุงโรม การทำบุญด้วยเงินเพื่อเป็นการไถ่บาป ทำให้มีสิทธิ์ได้ไปสวรรค์

มาร์ติน ลูเธอร์ พระหนุ่มอายุ 28 เดินทางไปกรุงโรมเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาได้ยินเรื่องความฉ้อฉลของผู้นำศาสนา เขาได้พบ “การขายบุญ” เพื่อระดมทุนสร้างมหาวิหารเซนต์ปิเตอร์ โดยพระสันตะปาปาเลโอที่ 10 ในขณะนั้น

เขาถูกขับจากศาสนจักร แต่ได้รับการยอมรับจากเจ้าผู้ปกครองนครรัฐและหลายแคว้น รวมทั้งประชาชนจำนวนมาก ที่เห็นด้วยกับการกระทำและคำสอนของเขาที่เน้นความเชื่อในพระคัมภีร์ ไมใช่ในผู้นำศาสนาที่ฉ้อฉล  เขาบอกว่า พระสันตะปาปา ผู้นำศาสนาทั้งหลายเป็นมนุษย์ ผิดพลาดได้ แต่พระคัมภีร์ไม่ผิดพลาด คนจึงควรสัมพันธ์กับพระเจ้าโดยตรง  เขาประณามกฎระเบียบประเพณีทางศาสนาที่เป็นเครื่องมือของอำนาจ การหารายได้ โดยใช้ศรัทธาความเชื่อของศาสนิกเป็นเครื่องมือ

ลูเธอร์สอนว่า ความรอดของคนไม่ได้มาจากการกระทำของคนเอง แต่จากพรที่พระเจ้าทรงประทานให้ (gift of God) ศาสนิกไป “ติดสินบน” พระเจ้าไม่ได้  คนจะรอดได้ด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยพิธีกรรม คนที่จะยกบาปมนุษย์ได้คือพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์อย่างโป๊บและผู้นำศาสนาที่อ้างว่าเป็นผู้แทนของพระเจ้า

มาร์ติน ลูเธอร์ ถูกกล่าวโทษและต้องถูกลงโทษหนัก อาจถึงขั้นประหารชีวิต แต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์ศิทธิ์ไม่ได้มีเอกภาพ อำนาจของศาสนจักรก็ไม่มากพอ ยุโรปไม่เป็นหนึ่งเดียว คริสต์ศาสนจักรก็ไม่มีเอกภาพ  มาร์ติน ลูเธอร์ จึงถูกนำไปอยู่ในที่ปลอดภัย และได้เขียนงานที่พิมพ์เผยแพร่เป็นแผ่นปลิว หนังสือเล็ก ๆ ที่ตีพิมพ์ได้เร็วจำนวนมากเผยแพร่ไปทั่ว ทำให้ความคิดของเขาได้รับการยอมรับรวดเร็ว เพราะมีความไม่พอใจศาสนจักร ความฉ้อฉลของผู้นำศาสนา  บรรดานครรัฐและผู้นำแคว้นต่าง ๆ ใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองด้วย

มาร์ติน ลูเธอร์ ได้แปลพระคัมภีร์ไบเบิลพระธรรมใหม่เป็นภาษาเยอรมัน ตีพิมพ์ในปี 1522 และพระธรรมเก่าอีก 10 ปีหลังจากนั้น ตีพิมพ์เผยแพร่ ทำให้คนทั่วไปได้อ่านพระคัมภีร์เป็นภาษาเยอรมัน ก่อนนั้นมีแต่ภาษาละติน และมีหนังสือไม่กี่เล่มในอารามนักพรต ตามโบสถ์วิหารเท่านั้น  ผู้คนจึงอ้างพระคัมภีร์เพื่อโต้แย้งคำสอนของศาสนจักรคาทอลิก แย้งว่า ไม่มีสอนไว้ ทำไมศาสนจักรจึงนำมาเป็นกฎระเบียบ

มีผู้นำศาสนาอื่น ๆ ที่ลุกขึ้นมาแยกเป็นนิกายที่ต่างออกไป อย่างกัลวิน ที่สวิส ที่สอนว่า เพื่อให้ได้รับการเลือกสรรค์จากพระเจ้า ต้องทำงานหนัก การที่คนร่ำรวยขึ้นจากการทำงานเพราะพระเจ้าทรงอวยพร และเป็นหลักประกันว่าจะได้ไปสวรรค์ด้วย

Max Weber นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ผู้โด่งดังชาวเยอรมัน บอกว่า กัลวิน คือ บิดาของทุนนิยมตัวจริง (The Protestant Ethic and the Spirit of Capitalism จริยธรรมโปรเตสแตนท์และจิตวิญญาณของทุนนิยม)

หลังจากการแยกนิกายโปรเตสแตนท์ก็เกิดปัญหาความแตกแยกรุนแรงในรัฐและแคว้นต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนท์ มีการทำสัญญา Augsburg ในปี 1555 เพื่อแยกว่า เจ้าผู้ครองรัฐใดเป็นนิกายใด คนในรัฐนั้นให้เป็นนิกายนั้น ถ้าไม่ใช่ให้ย้ายไปรัฐอื่น

แต่ที่สุดก็เกิดปัญหา ในปี 1618-1648 เกิดสงคราม 30 ปีระหว่างรัฐต่าง ๆในเยอรมนี จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์ ซึ่งไม่ใช่เพราะศาสนาเท่านั้น แต่เป็นเหตุผลทางการเมือง การแข่งขันกันทางอำนาจ เพราะแม้ฝรั่งเศสเป็นคาทอลิกก็ไปเข้าข้างโปรเตสแตนท์ เพราะเป็นศัตรูกับออสเตรีย  คนตายไป 8 ล้านคน ทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย เพราะเป็น “สงครามยุโรป” ที่แยกกันนับถือคนละนิกายแล้ว

ต่อมาไม่นาน ปัญหาระหว่างพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ของอังกฤษกับโป๊บที่โรม ทำให้ที่สุดก็แยกออกเป็นนิกายอังกลิกัน จุดเริ่มต้น ศาสนจักรแห่งอังกฤษ (Church of England)  จากนั้น ทั้งลูเธอรัน, กัลวินิสท์, อังกลิกัน และนิกายย่อยอื่น ๆ เมื่อไปถึงสหรัฐอเมริกาก็แยกออกไปอีกหลายนิกายภายในโปรเตสแตนท์เอง

# การสำรวจโลกและการเดินเรือ

สเปน โปรตุเกส เก่งการเดินเรือ เป็นนักสำรวจ พยายามหาทางไปถึงเอเชียทางเรือ เพราะทางบกนั้นถูกผูกขาดจากพ่อค้าเวนิส ซึ่งนำเครื่องเทศ ไหม เครื่องหอม และของฟุ่มเฟือยที่แปลกใหม่มาจากเอเชีย

ในปี 1484 คริสโตเฟอร์ โคลอมบัส นักเดินเรืออาชีพจากเจนัว เชื่ออริสโตเติลว่า สามารถเดินทางไปจีน อินเดีย ทางตะวันตกได้เพราะโลกกลม เขาขอรับการสนับสนุนจากพระเจ้าจอห์นที่ 2 ของโปรตุเกส ซึ่งปฏิเสธเพราะไม่เชื่อว่าเป็นไปได้  หลังจากนั้น 8 ปี เขาได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าเฟอร์ดินันด์ของสเปน ในปี 1492 จึงเดินเรือไปถึงบาฮามาส คิวบา อิสปาญอลา นึกว่าเป็นเมืองจีน

โคลัมบัสเปิดประตูให้เกิดการล่าอาณานิคม เขากลับไปแจ้งสเปนว่า ต้องการทองเท่าไร ทาสเท่าไรได้หมด เพราะที่เขาไปพบนั้นมีมากมายจริง ๆ  ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา ทำให้คนท้องถิ่นตายนับล้าน เพราะเชื้อโรคจากยุโรป รวมทั้งไปฆ่าเขาเพื่อเอาสมบัติ ทรัพยากร เงินทอง เครื่องเทศ และอื่น ๆ  ถือว่าพวกเขาเป็นคนป่า ไม่มีอารยธรรม

ในยุคของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 แห่งสเปน ผู้ได้ชื่อว่า “จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” ระหว่างปี 1541-1560 ได้มีการขนทองไปสเปน 67 ตัน เงิน 480 ตัน คนสเปนร่ำรวย กลายเป็นเศรษฐีเงินกู้ ไล่ล่าฆ่าฟันชาวยิวที่เป็นคนปล่อยเงินกู้ก่อนนั้น

โปรตุเกส เริ่มจากการไปขนทรัพยากรจากแอฟริกา ทองคำ งาช้าง เกลือ พบทางไปเอเชีย คุมการค้า เครื่องเทศ เพชรนิลจินดา สินค้าต่าง ๆ ที่ผลิตในเอเชีย

Prince Henry ของโปรตุเกสตั้งโรงเรียนเดินเรือ รวบรวมคนเก่งที่สุด นักภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ การเดินเรือ รวบรวมข้อมูลน้ำขึ้นน้ำลง คลื่น ลม กระแสน้ำ ดวงดาว ค้นหาทางไปอินเดีย ได้ส่งกองสำรวจ 50 กลุ่มไปสำรวจโลก แต่สิ้นพระชนม์เมื่อปี 1460  ในปี 1498 วาสโก ดากามา จึงพบทางไปอินเดีย

# บทส่งท้าย

ยุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรม คือ ยุคเกิดใหม่ของอารยธรรมตะวันตก สืบสานจากอารยธรรมเก่าแก่ของกรีกและโรมัน อาหรับ และรวมไปถึงอินเดียและอื่น ๆ  หลังจากที่ “เงียบหาย” ไปในยุคที่ยุโรปเริ่มต้นสร้างตนเองหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ต้องผ่านยุคกลางที่เรียกกันว่ายุคมืดอีกถึง 800 ปี จึงเข้าสู่ยุคเกิดใหม่

ยุคนี้เกิดจากผู้คนเริ่มได้ความเชื่อมั่นในตัวเองที่หายไปหลายศตวรรษกลับคืนมา เป็นตัวของตัวเอง ต้องการอิสรภาพในการคิด การค้นคว้าและคิดสิ่งใหม่ ๆ ไม่ถูกกำหนดจากศาสนาแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนในยุคกลาง เห็นได้จากผลงานทางศิลปกรรมต่าง ๆ ที่สะท้อนความเป็นตัวของตัวเองของบรรดาศิลปิน

การแสดงออกถึงความความเชื่อมั่นในตัวเอง ความภูมิใจในความสำเร็จ ผลงานของตนเอง ไม่ได้มองว่าเป็นบาปเหมือนยุคกลาง ความสุภาพไม่ใช่การถ่อมตน แต่เป็นการยอมรับความจริงใหม่จากทัศนะใหม่ที่เชื่อว่า คนคือภาพลักษณ์ของพระเจ้า (I mage of God) คนมีความสำคัญ พระเจ้าทรงใช้พรสวรรค์ของคนในโลก

อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นในตัวเองที่ล้นเกินก็อาจก่อให้เกิดปัญหา และนำเสนอสิ่งที่สุดโต่งได้ ไม่ว่าขวาหรือซ้าย อนุรักษ์หรือก้าวหน้า ดังกรณีของ Girolamo Savonarola (1452-1498) พระที่ฟลอเรนซ์ที่ทนไม่ได้ต่อความฉ้อฉลของโป๊บและผู้นำศาสนา รวมไปถึงพฤติกรรมผิดศีลธรรมของผู้คน โดยเฉพาะการรักเพศเดียวกันที่มีชื่อเสียงหลายคน (หนึ่งในนั้นคือเลโอนาร์โด ดาวินชี)  เขาเทศน์ในโบสถ์และในที่สาธารณะประณามความผิดบาปต่าง ๆ ก่อตั้งขบวนการเยาวชนไปจับผิด “คนบาป” แต่ที่สุดเขาเองก็ถูกโป๊บตัดสินลงโทษ จำคุก ประหารชีวิตแขวนคอและเผาพร้อมกับศิษย์อีกหลายคน เพราะ “คำสอนผิด” (heresy)

อีกคนหนี่งที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ คือ นิโกโล มักเกียแวลลี (1469-1527) ผู้เขียนหนังสือ “เจ้าผู้ปกครอง” (The Prince) คู่มือรัฐศาสตร์ที่บรรดาเผด็จการชอบใช้มากกว่าใคร ๆ เพราะให้ความชอบธรรมกับการใช้อำนาจและความรุนแรง แม้แต่การโกหกหลอกลวงได้เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ดี

สิ่งที่เขาเขียนก็เป็นความจริงทุกยุคทุกสมัย เขาไม่ได้พูดถึง “รัฐในอุดมคติ” แต่พูดตามความเป็นจริง ความเป็นไปได้ ซึ่งไม่ว่าที่ใดและเมื่อใด การเมืองการปกครองมีส่วนที่เป็นความฉ้อฉลไม่มากก็น้อย เขารับใช้เจ้าในฟลอเรนซ์หลายปี โดยเฉพาะช่วงที่ตระกูลเมดิชีไม่ได้มีอำนาจ

ถ้าไม่มียุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรม ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ไม่เกิดการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ยุคเกิดใหม่ได้สร้างรากฐานสำคัญให้โลก นำความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีใหม่ไปสู่โลก แต่ในเวลาเดียวกันก็นำสิ่งชั่วร้ายอีกหลายอย่างไปสู่โลกด้วยเช่นกัน

เพราะการเปิดโลกใหม่ไม่ได้ไปแต่พ่อค้าวาณิช แต่ไปพร้อมกับทหารและมิชชันนารี ไปครอบครอง ครอบงำ ไปกดขี่ข่มเหง ไม่ได้ไปสร้างสรรค์อย่างเดียว แต่ไปทำลายล้างวัฒนธรรม รากเหง้าของผู้เป็นเจ้าของท้องถิ่นเดิม ไปดูดเอาทรัพยากรของประเทศต่าง ๆ ในโลกใหม่ที่พวกเขาอ้างว่าไป “ค้นพบ”

ด้านหนึ่งก็ไปสร้างความเจริญ แต่อีกด้านหนึ่งก็ไปทำลาย ไปฆ่า ไปดูดซับเอาทรัพยากร ทั้งทางธรรมชาติและบุคคลไปจากบ้านเกิดเมืองนอน ไปสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองคนอื่น ซึ่งหลายแห่งมีผลมาจนถึงทุกวันนี้ที่ยังรบราฆ่าฟันกัน เพราะการขีดเส้นแบ่งดินแดนของ “เจ้าอาณานิคม”

เราคงไม่สามารถย้อนไปเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ เหมือนกับที่คนยุคเกิดใหม่ ไม่สามารถย้อนกลับไปลบล้างความชั่วร้ายในอาณาจักรโรมัน หรือในยุคกลางก่อนนั้นได้  แต่กลับไปค้นหาคุณค่าดีงาม ความรู้ภูมิปัญญา นำมารังสรรค์ใหม่เพื่อชวิตที่ดีกว่า  เราก็คงทำได้เช่นเดียวกัน ด้วยการสรุปบทเรียน ไม่ทำความผิดซ้ำ นำสิ่งดีงามมาสืบสานพัฒนา

“เสรี พพ”  19 สิงหาคม 2021

WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com