วรรณกรรมสร้างอารยธรรมเปลี่ยนโลก
(๑)
การถ่ายทอดสืบทอดเรื่องราวในอดีตมีทั้งด้วยการบอกเล่า หรือมุขปาฐะ มีทั้งผ่านวัตถุสิ่งของ เครื่องมือทำมาหากิน หัตถกรรม ปัจจัยสี่ ภาพเขียน จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปกรรม และที่สำคัญคือ ผ่านการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งมีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อประวัติศาสตร์อารยธรรมโลก
คัมภีร์ในศาสนาต่าง ๆ เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ จึงขอละไว้ ขอจำกัดวรรณกรรมที่นับว่าเป็นงานคลาสสิกมีหลายรูปแบบ เป็นเทพปกรณัมหรือตำนาน นิทาน ปรัชญา นวนิยาย หรือหลายแบบรวมกันในเรื่องเดียว ที่ขอจำแนก รวบรวม นำเสนอโดยวิธีคิดและความชอบส่วนตัว คือ
# เทพปกรณัม mythology
เทพปกรณัมสำคัญของตะวันตกตะวันออก คือ Iliad และ Odyssey ของ โฮเมอร์ รามายณะ หรือ รามเกียรติกับมหาภารตะ ของ อินเดีย และ Divine Comedy ของ ดันเต ในปลายยุคกลางของยุโรป ที่เป็นมหากาพย์บทกวีคล้ายกับงานของโฮเมอร์
นักประวัติศาสตร์บอกว่า อเล็กซานเดอร์ มหาราช ขยายอาณาจักรไปครอบคลุมทั้งจักรวรรดิเปอร์เซีย และจากอียิปต์ ไปจนถึงภาคเหนือของอินเดียส่วนหนึ่งเพราะอาศัยมหากาพย์ Iliad ของโฮเมอร์ ที่เขาเรียนอ่านเขียนและศึกษาอย่างจริงจัง และด้วยความช่วยเหลือของอาจารย์ คือ อริสโตเติล นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่ของกรีกในยุคนั้น
มหากาพย์อีเลียด เป็นเรื่องสงครามกรุงทรอย ที่บรรดากษัตริย์ของกรีกรวมกันยกทัพไปตีกรุงทรอย เพื่อพระราชินีที่ถูกเจ้าชายปารีสของกรุงทรอยลักพาตัวไป นั่นเป็นตำนานเรื่องอกิลเลส และม้าเมืองทรอย พระเจ้าอเล็กซานเดอร์อาศัยข้อมูลทางภูมิศาสตร์และความรู้จาก Iliad ในการรบ และการขยายอาณาเขตไปทางเอเชียไมเนอร์และทางตะวันออกจนถึงอินเดีย
# ปรัชญาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
ปรัชญา Republic ของ เพลโต Utopia ของ โทมัส โมร์ The Prince ของ มักเคียเวลลี The Social Contract ของ รุสโซ The Wealth of Nations ของ อดัม สมิธ Das Kapital และแถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ ของ คาร์ล มาร์กซ์ Also Sprach Zarathusta ของ นิทเช่ เป็นผลงานทางปรัชญาที่มีพลังทางสังคม เศรษฐกิจและการเมืองจนพลิกประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
ตั้งแต่แนวคิดเรื่องสาธารณรัฐ สังคมในอุดมคติของเพลโตมาถึงยูโธเปียของโทมัส โมร์ แนวคิดที่เป็นรากฐานของเผด็จการของมักเคียเวลลี และสัญญาประชาคมของรุสโซ ซึ่งล้วนแต่มีพลังทางการเมืองของการก่อเกิดและการบริหารรัฐชาติในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะส่งเสริมเผด็จการหรือประชาธิปไตย
ที่สำคัญ คือ แนวคิดเสรีนิยมทุนนิยมที่มีรากฐานจากงานของ อดัม สมิธ และแนวคิดสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ของ คาร์ล มาร์กซ์ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกในระยะกว่าสองร้อยปีที่ผ่านมา
มีนวนิยายจำนวนมากที่สะท้อนสภาพสังคม การเมืองและเศรษฐกิจในแต่ละยุคสมัย นวนิยายหลายเรื่องอิงประวัติศาสตร์หรือกึ่งประวัติศาสตร์อย่าง สามก๊ก ของจีน หรือ Les Miserables ของ วิคตอร์ ฮูโก ที่ล้อประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสในต้นศตวรรษที่ 19 หรือหลายวรรณกรรมกับประวัติศาสตร์รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ
นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะผสมผสานกับแนวคิดทางปรัชญาการเมืองของผู้ประพันธ์ อย่างกรณีของวิคตอร์ ฮูโก ที่มีแนวคิดทางการเมืองที่ลุ่มลึก หรือพาสเตอร์แนค ที่สร้างผลงานแรกที่เผยแพร่หลังการปฏิวัติรัสเซีย ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม แต่เป็นที่ขุ่นเคืองให้รัฐบาล เพราะไปวิจารณ์ระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์จนถูกแบน
นวนิยายหลายหลายเรื่องเป็นการเสนอแนวคิดทางปรัชญา อย่าง “สงครามและสันติภาพ” ของ ทอลสตอย ที่อาจนึกว่าเป็นประวัติศาสตร์รัสเซีย แต่เป็นการถกเถียงทางปรัชญามากกว่า พี่น้องคารามาซอฟ ของ ดอสโตเยฟสกี นวนิยายเล่มโตที่ “ครบเครื่อง” เรื่องชีวิตมนุษย์ ทั้งความเชื่อ ปรัชญา ที่สะท้อนสภาวะสังคมรัสเซีย
งานของแฮร์มันน์ เฮสเส ที่มีอิทธิพลต่อการปฏิวัติวัฒนธรรมกลางศตวรรษที่ 20 ที่เปิดเผยมิติลึกของวิญญาณที่ซับซ้อนสับสนของจิตวิทยามนุษย์ ไม่ว่า สเตปเปิลวูลฟ์ สิทธารถะ และเกมลูกแก้ว รวมทั้งวรรณกรรมหลายเรื่องของ ฌอง ปอล ซาตร์ และอัลแบร์ต คามูส์ ระดับรางวัลโนเบล ที่เป็นนวนิยายเพื่อขยายความหมายของปรัชญาชีวิต
# วรรณกรรมเปลี่ยนโลกทัศน์
โดยไม่ลืมผลงานสำคัญที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนทัศนคติ เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม อย่างงานของ Harriet Beecher-Stowe เรื่อง “กระท่อมของลุงทอม” ที่เปิดเผยสภาพที่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานของทาสผิวดำ ว่ากันว่าเป็นที่มาของการปลดปล่อยทาสและสงครามกลางเมืองสหรัฐ อย่างน้อย คือ สิ่งที่อาบราฮัม ลินคอล์น บอกกับผู้เขียนซึ่งเป็นสตรี หนังสือที่ขายดีที่สุดในอเมริกา อังกฤษ เป็นรองแค่พระคัมภีร์ไบเบิล
อีกงานบันทึกของ แอน ฟรังค์ จากที่ซ่อนจากการล่าของนาซี บอกเล่าความฝันของเด็กสาวชาวยิว แต่ที่สุดก็ถูกจับและส่งไปค่ายกักกันและเสียชีวิตที่นั่น ทำให้คนเยอรมันและทั่วโลกสะเทือนใจ ไม่อาจรับได้กับลัทธิชาตินิยมสุดขั้วของนาซีและพรรคการเมืองในแนวนี้ หนังสือที่ได้รับการแปลถึง 70 ภาษา
ในทำนองเดียวกันกับงานของ ซีมอน เดอ โบวัวร์ เรื่องเพศที่สอง (The Second Sex) ที่ทำให้คนเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับสตรี ที่ถูกถือว่าเป็นช้างเท้าหลัง ผู้ตาม ผู้รับใช้ชายมาตลอด เป็นงานปลดปล่อยสตรีที่ทวนกระแสสังคมในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เธอคือคู่ชีวิตเสรีของ ฌอง ปอล ซาร์ตร์ นักปรัชญาคนสำคัญแห่งยุค
นวนิยายส่วนใหญ่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ค่านิยมของยุคสมัยผู้ประพันธ์พร้อมกับแนวคิดทางปรัชญา อย่างนวนิยายส่วนใหญ่ของ ชาร์ลส์ ดิกเคนส์ หรือ Sense and Sensibility และ Pride and Prejudice ของ เจน ออสเตน ส่วนใหญ่เป็นการวิพากษ์ เสียดสี ประชดประชัน แสดงจุดยืนของผู้ประพันธ์ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่าง Animal Farm และ 1984 ของ จอร์จ ออร์เวลส์ ในศตวรรษที่ผ่านมา แต่มีอิทธิพลต่อแวดวงการเมืองจนถึงวันนี้
# วรรณกรรมคลาสสิกรากฐาน
นวนิยายคลาสสิกที่มีลักษณะพิเศษ ต้นแบบของนวนิยายในตะวันตก คือ Don Quixote ที่ถือกันว่าเป็นนวนิยายเรื่องยาวเรื่องแรกของยุโรป และ Decameron ของ Bocaccio ของอิตาลี รวมเรื่องสั้นที่ถูกเรียกว่าเป็น สุขนาฏกรรมมนุษย์ (Human Comedy) นวนิยายอีโรติกเรื่องแรกของโลกก็ว่าได้
ดอน คิโฆเต้ ผลงานของ มิเกล เด แซร์บันเตส ชาวสเปน ตีพิมพ์เมื่อต้นศตวรรษ 17 อ่านเผิน ๆ เป็นเรื่องตลกและสนุกของคนที่คิดว่าตนเองเป็นอัศวิน ขี่ม้าตัวเล็กถือหอกยาวเหมือนนักรบในยุคกลาง วิ่งไปสู้กับยักษ์กลางทุ่ง ซึ่งก็คือกังหันลม แต่เป็นวรรณกรรมที่สะท้อนแนวคิดทางปรัชญาที่เสียดสีมนุษย์บ้าอำนาจที่หลงตัวเอง หลงเงา หลงภาพหลอนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หรือคนที่ต้องการเปลี่ยนสังคม แต่คงเป็นได้แค่ความฝันและจินตนาการ
ขณะที่ Decameron รวมเรื่องสั้นอีโรติกในยุคกลาง ตั้งแต่ในอารามแม่ชีไปจนถึงบ้านผู้ดีที่พยายามปิดบังเรื่องเพศ แต่ “ปิดไม่มิด” เพราะ Bocaccio ได้เปิดเผยให้เห็นด้านต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา ที่ Pier Paolo Pasolini ผู้กำกับหนังคนดังชาวอิตาเลียนทำเป็นภาพยนต์ที่ถูกสำนักวาติกันแบนเมื่อปี 1971
# นวนิยายยุคใหม่เล่าเรื่องเก่า
นวนิยายที่ประพันธ์โดยคนยุคใหม่ แต่เล่าเรื่องในอดีตได้อย่างมีรสชาติและรายละเอียด เนื่องเพราะภูมิหลังที่หลากหลายของการเป็นนักคิด นักเขียน นักประวัติศาสตร์ของผู้ประพันธ์ อย่างกรณีของ The Name of the Rose ของ Umberto Eco ชาวอิตาเลียน ที่สะท้อนชีวิตในอารามนักพรตในศตวรรษ 14 รวมทั้งวิถีชีวิตในปลายยุคกลางของยุโรป
เรื่อง หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว One Hundred Years of Solitude ของ Gabriel García Márquez ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เป็นนวนิยายสะท้อนสภาพสังคมละตินอเมริกันทุกรสชาติก็ว่าได้ ทั้งสังคม เศรษฐกิจและการเมืองหลังยุคอาณานิคม สะท้อนอารมณ์และวิญญาณของละตินอเมริกาได้เป็นอย่างดี
มีนวนิยายมากมายในลักษณะคล้ายกันนี้ รวมทั้งที่สะท้อนแนวคิด ปรัชญา ในประเด็นทางสังคมการเมืองต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในระยะร้อยปีที่ผ่านมา
นอกนั้นมีนวนิยายที่เหมือนย้อนยุค ที่มาจากจินตนาการเพื่อสร้างความบันเทิงให้ผู้อ่าน และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังที่สุดในยุคนี้ คงไม่มีใครเกิน 2 เรื่องที่ทำหนังแล้วได้เงินเป็นหมื่น ๆ ล้านบาท เพราะทำออกมาต่อเนื่องกันหลายภาค ทั้ง Lord of the Rings โดย J.R.R. Tolkien และ Harry Potter ของ J.K. Rowling
# ยิ่งใหญ่ในเนื้อหา
นอกนั้น เป็นงานวรรณกรรมที่ดูเล็ก ๆ แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ แพร่หลายไปทั่วโลกอีกมากมายหลายเล่ม ที่อยากอ้างอิง คือ เจ้าชายน้อย, โจนาทาน ลิวิงสตัน นางนวล, ต้นส้มแสนรัก รวมไปถึงวรรณกรรมที่เป็นนิทานที่แฝงคำสอน อุดมคติและแนวคิดทางปรัชญาอย่างนิทานของพี่น้องกริมม์ และของ ฮันส์ คริสเตียน อันเดอร์เสน
ไม่ได้รวมงานวรรณกรรมอันยิ่งใหญ่ของชาติต่าง ๆ รวมนวนิยาย กวีนิพนธ์ บทละคร เพราะมีมากมาย อย่างของวิลเลียม เชคสเปียร์ และคนอื่น ๆ ของอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก มีการแปลไปมากมายหลายภาษา
หนังสือที่อ่านสนุก ตลก แต่เนื้อหาล้ำลึกด้วยการเมือง คือ Don Camillo ของ Giovanni Guareschi เรื่องยาวเป็นตอน ๆ เป็นเรื่องการเมืองระหว่างเสรีนิยมกับคอมมิวนิสต์ ระหว่างบาทหลวงคามิลโล กับ เปปโปเน นายกเทศมนตรี ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แปรมาเป็น ไผ่แดง ทั้งฉบับอิตาเลียนกับฉบับไทยก็อ่านสนุก ได้รสชาติ และได้เห็นวิวาทะทั้งคำพูดและการกระทำของแนวคิดคนละขั้วทางการเมือง
เมื่อ ดอน คามิลโล ทำเป็นภาพยนตร์ก็ได้รับความสำเร็จสูง เพราะดารานำที่แสดงเป็นคุณพ่อคามิลโล คือ Fernandel ดาราตลกชาวฝรั่งเศสที่แสดงมากมายหลายตอนจนคนคิดว่าเขาเป็นดอน คามิลโล จริง ๆ เขาไปงานศพไม่ค่อยได้ เพราะไปทำให้บรรยากาศโศกเศร้าเขาเสีย แค่เห็นหน้าเขาก็ขำแล้ว
ขอจบด้วยหนังสือวิชาการสำคัญที่สุดเล่มหนึ่งที่เปลี่ยนโลก คือ “ต้นกำเนิดของสบีซีส์” ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ว่าด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการที่ทำให้เกิดปัญหากับแนวคิดประเพณีที่เชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า พระเจ้าทรงสร้างโลกใน 6 วัน เรื่อง อาดัมและอีฟ มนุษย์คู่แรกในสวนเอเดน
# อ่านหนังสือสร้างคนสร้างผู้นำ reader = leader
หนังสือเหล่านี้เป็นวรรณกรรมที่สร้างรากฐานให้อารยธรรม และมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนคน เปลี่ยนโลก เพราะ “การอ่านหนังสือทำคนให้เป็นคน” (ลอร์ดไบรอน)
ที่ยกมาทั้งหมดเป็นเพราะได้รู้จัก ได้อ่าน ประทับใจ ได้เรียนรู้ ได้เขียนถึงบางเล่มไปก่อนนี้แล้ว และจะเขียนแนะนำอีก เพียงเพื่อแนะนำท่านที่ยังไม่ได้อ่าน จะเป็นพลังปัญญาที่หาที่อื่นใดมาแทนได้ยาก เพราะให้ทั้งความรู้และสุนทรียะในอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะอาจให้ปัญญาญาณเพื่อการมีชีวิตที่ดี
“เสรี พพ” 11 พฤษภาคม 2021
หมายเหตุ________________________
บทความนี้อยากให้ท่านที่พอมีทุนทรัพย์ซื้อหนังสือดี ๆ ที่ผมอ้างถึง หรือที่ท่านชื่นชอบไว้ในห้องสมุดที่บ้าน ให้ตนเอง ลูกหลาน เป็นหนังสือคลาสสิกที่ไม่มีวันเก่าทั้งนั้น.