หมากินความคิดหมดแล้ว

Editorials : บทบรรณาธิการ
นิตยสาร “ทางอีศาน” ฉบับที่ ๓๙
ปีที่ ๔ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘
ฉบับ: พระพุทธศาสนารุ่งเรืองในอีสาน


องค์ประกอบทุกส่วนของโครงสร้างสังคมไทยเรานับวันยิ่งอ่อนแอ องค์รัฏฐาธิปัตย์ไร้วิสัยทัศน์ มวลหมู่เสนาอำมาตย์หมดสิ้นธรรมาภิบาล ราษฎรต่างพากันหาอยู่หากินเอาตัวรอดกันไป ท่ามกลางการดิ้นรนต่อสู้ปากกัดตีนถีบ มีเพียงเส้นบาง ๆ แห่งศีลธรรม และฮีตคองประเพณี ที่ร้อยรัดชีวิตครอบครัวชีวิตสังคมให้ขับเคลื่อนไป

ภายในโครงสร้างหลักของสังคม ทั้งด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรมศาสนา สาธารณสุข ฯลฯ หากใช้แว่นขยายส่องดูรายละเอียดจะเห็นความเทอะทะล้าหลัง ความคับแคบจารีตนิยม หมักหมมด้วยปัญหาภายในขององค์กรนั้น ๆ มากมาย

ในด้านเศรษฐกิจ ฐานรากสังคมไทยคือเกษตรกรรมวันดีคืนร้ายผู้นำของเราก็ป่าวประกาศการทะยานขึ้นเป็นเสืออุตสาหกรรม ปัจจุบันสร้างวาทกรรมสวยหรูเป็น “ครัวของโลก” แต่ในช่วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาผลิตผลด้านการเกษตรของเราโดยเฉพาะข้าว ถดถอยต้อยตํ่ากว่าเพื่อนบ้านทั้งปริมาณและคุณภาพ

ธาตุแห่งดิน นํ้า ลม ไฟ ของเปลือกโลกที่ขีดเส้นพรมแดนเป็นประเทศไทยเรานี้ เหมาะแก่การกำเนิดของทุกสรรพชีวิตทั้งพืชและสัตว์ แต่นานมาแล้วเราเอายาพิษมาอาบฆ่าแม่ธรณี เอาปฺฺุ๋ยเคมีมากลบฝังสรรพสิ่งแห่งมวลชีวิต ทำลายเมล็ดพันธุ์ที่ทรงคุณวิเศษนับหมื่นนับแสนสายพันธุ์ เร่งผลิตอาหารพิษสนองตัณหาอยากรํ่ารวยและนโยบายประชานิยม เหตุปัจจัยเหล่านี้ได้ทำลายเมืองที่เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพย์ในดินสินในนํ้าไปแทบหมดสิ้น

พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพชนของพวกเรา ถ้าเห็นลูกหลานเหลนโหลนหล่อนทำผิดฉกาจฉกรรจ์มักจะกล่าวอย่างเหลืออดว่า “หมากินความคิดมันหมดแล้ว” หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดและดำเนินอยู่จริงกับสภาพชีวิตคนไทยวันนี้ถึงขั้นเหลืออดเหลือทนกันหรือยัง?

วันนี้ ผาลไถจากแรงควายเหล็กได้ชำแรกอกแม่โพสพในฤดูกาลหว่านเพาะแล้ว รอเพียงนํ้าฟ้าหลั่งรดเลี้ยงข้าวกล้าให้งอกงาม แต่เกษตรกรชาวนาชาวไร่ทั้งสิ้นในประเทศนี้ยังเหลือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่กี่มากน้อย มีกี่คนกี่ครอบครัวกี่ชุมชนที่ยังทำการเกษตรอย่างปราณีต คัดเลือกสายพันธุ์ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มีสำนึกผลิตธัญญาหารและโอสถแด่ผู้บริโภค แด่เพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดตาย

ในขณะกระแสระบบทุนได้ขับดันให้คนหนุ่มสาวต้องออกหางานทำนอกหมู่บ้าน ทิ้งคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เผชิญความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ เผชิญความโลภของคนส่วนน้อยผู้หวังกอบโกยครอบครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติ

แม้สังคมเสื่อมทรุด แต่เรายังมีฮีตคองประเพณี ยังมีอำนาจ อิทธิฤทธิ์ พิธีกรรมสร้างศรัทธาความเชื่อ ให้เคารพนบนอบแผ่นดินแผ่นฟ้า ให้รู้ถึงบุญคุณข้าวนํ้าบูชามือที่หยาบกร้านและสัตว์งานที่รับใช้มนุษย์ เรายังมีปราชญ์มีผู้นำตามธรรมชาติที่ดีเด่น มีคนรุ่นใหม่รักบ้านเกิด มีผู้จิตอาสา มีคนรักความเป็นธรรมรักบ้านเมือง ที่ยังร่วมกันคิดร่วมกันปฏิบัติเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่และประเทศชาติ จึงยังพอกล่าวตอบบรรพชนได้ว่า… หมายังไม่ได้กินความคิดไปทั้งหมดดอก

วันนี้เราต้องปลูกฝังให้ลูกหลานสำนึกว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเขาคือวีรบุรุษ คือผู้สร้างบ้านแปงเมือง และต้องปลุกขวัญเรียกพลังชีวิตของพวกเราให้ฟื้นคืน ที่สำคัญต้องกล้าคิด คิดเป็นทำเป็น คิดใหม่ทำใหม่

น้อมจิตคารวะ
บรรณาธิการอำนวยการ

 

Related Posts

เปิดตัวหนังสือ “มหากาพย์ชนชาติไทฯ”
กำเนิดจักรวาล
จาก “นายผี” ถึง “ทางอีศาน”
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com