มูลนิธิทางอีศาน
โลกยุคล่ามนุษย์ไปเป็นทาส ยกกองทัพไปยึดครองเมืองขึ้น ใช้อำนาจทางเศรฐกิจไปมีอิทธิพลครอบงำ ควรหมดสิ้นไปแล้ว ประเทศที่รวมศูนย์อำนาจ สูบรีดโภคทรัพย์ส่วนเกินเข้าไปไว้ส่วนกลางกำหนดนโยบายโดยไม่รู้จักและสอดคล้องกับท้องถิ่น
ส่องซอด ทางอีศาน ฉบับที่ 14
จอกหนึ่ง พอซิกริกจอกสอง พอแซกแรกจอกสาม พอแปลกความจอกสี่ หลงพี่หลงน้องจอกห้า เห็นป้าว่าแม่นเมียจอกหก ชกปากพ่อเฒ่าจอกเจ็ด แกล้มเป็ดแกล้มไก่จอกแปด ฟ้อนตากแดดว่าแม่นฝนตกรินจอกเก้า ข้าวอยู่เล้านึกอยากขายเกวียนละบาทก็ขายจอกสิบ หลิบพุ้นหลิบพี้จอกสิบเอ็ด ตึ่งลึ่งตึ่ง
ยี่สิบสี่ มิถุนา…
ถึงเดือนมิถุนายน ของทุกปี ผมจะนึกถึงเพลง...ยี่สิบสี่มิถุนา...ยน มหาศรีสวัสดิ์ ปฐมฤกษ์ ของรัฐธรรมนูญของไทยฯ...นึกได้ว่าที่ด้านซ้ายของลานพระบรมรูปทรงม้า หน้าประตูสนามเสือป่าจะมีหมุดฝังอยู่ มีข้อความจารึกว่า “ณ ที่นี้ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง คณะราษฎร ได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ”
บทร้อยกรองของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ๒๕-๒๘
๒๕. ชายโสภาใจเย็นนักปราชญ์ ชายฉลาดหลีกเว้นคนผิด คนใช่มิตรผูกจ่องกรรมเวร คนมีเข็ญหาคุณบ่ได้ คนทุกข์ใฮ่เกี่ยวหญ้าหาฟืน บ่ฝ่าฝืนผิดเถียงดูหมิ่น ๒๖. คิดสู่ถิ่นทั่วโลกโลกา กะปูนาหาหัวบ่ได้ ไผหาให้เลี้ยงท้องเขาเอง พวกสัปโปงูเขียวงูเห่า ขึ้นต้นไม้เสือกแล่นตามดิน ตีนบ่มีแล่นไวปานม้า...
พระมงคลวัฒนคุณ (“หลวงพ่อเพิ่มบารมี”)
ผลงานกวีนิพนธ์ของหลวงพ่อมีเป็นจำนวนมาก กลอนแบบนิราศที่เขียนถึงจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยที่รวบรวมเอาอำเภอ จุดเด่นของแต่ละจังหวัด แทรกแง่ข้อคิดเชิงปรัชญาไว้ด้วยหรือบทธรรมทัวร์ทั่วไทย หรือชุดดอกไม้ในแดนธรรม ซึ่งรวบรวมชื่อดอกไม้มาเขียนเป็นกลอนดอกสร้อยไว้ครบครัน รวมทั้งบท มงคล ๓๘ ที่หลวงพ่อมักทำเป็นใบปลิวแจกญาติโยม ซึ่งออกแบบเป็นรูปพระเจดีย์ อ่านขึ้นตั้งแต่ฐานจนถึงบทจบของกลอน
ร่วมประกาศชัย
นกอินทรีกระหยับปีกฉีกเวหน
สัตว์ทุกตนตื่นตระหนกทั้งเล็กใหญ่
ลุ้นระทึกเต้นตึกตักตรงหัวใจ
เร่งสัญชาตญาณไพรไหวสั่นรัว
บทกวี: จุดบั้งไฟยังไล่ล่า…
๏ ไฟบั้งเอ้อลังการตระการตา เชิดนาคาพ่นน้ำอร่ามล้น นางฟ้อนย้อนย้ายร่ายร่างทน เซิ้งขอฝนขอรางวัลขันแข่งนั้น หลายร่างชายป้ายแป้งแดงลิปสติก ทำซิกงิกจริตหญิงยิ่งน่าขัน บ้างหาบขยะกับตะกร้าควัน แต่งเพี้ยนกันพลันนึกพิลึกดี โชว์ปลัดขิกอีกเกมสมสู่ ทุกคุ้มสู้ลุ้นรางวัลพนันชี้ ต่างมึนเมาเหล้ายาประชาชี หมกมุ่นมีผีพนันพันละเก