นวนิยายเรื่อง “ดอกขะเจียวจากโคกขี้แลน” กำลังเข้มข้นในนิตยสาร “ทางอีศาน”
อุดร ทองน้อย : ร่องรอยความฝันและอุดมการณ์
อำเภอกุดชุม ดินแดนนักคิดนักเขียน ปัญญาชนผู้มีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมมาทุกยุคสมัย ความแล้งเข็ญของแผ่นดินสะท้อนถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ให้หยัดอยู่ยืนยง
เยาวภาพแห่งเดือนตุลา
ธาตุลักษณะของความเยาว์วัยอยู่ที่ความบริสุทธิ์ สดใส ร่าเริง กระตือรือร้น เสียสละ และเปี่ยมพลัง แม้ในวัยหนุ่มสาวหรือสูงอายุสักปานใด หากยังรักษาธาตุลักษณะนี้ไว้ก็ได้ชื่อว่ามี “เยาวภาพ” ในตนเอง
สืบสายเลือดตน ค้นพบชีวิตใหม่
ต้นไม้หยั่งรากลึกลงดิน เพื่อเหยียดตัวยืนตรง พุ่งยอดสู่ท้องฟ้า แผ่กิ่งก้าน ให้ใบดกหนาผลิดอกออกผล ขยายพันธุ์เป็นกลุ่มเป็นเหล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่า
ถึงเพื่อนนักอ่าน มิตรสหาย ฝั่ง สปป.ลาว
วันนี้ มีหนังสือของบริษัท ทางอีศาน และบริษัท ชนนิยม วางจำหน่ายที่ร้านท่าเสด็จ จ.หนองคาย แล้ว และหากท่านต้องการเล่มไหนเพิ่มเติม ให้แจ้งความประสงค์ เราจะจัดส่งมาให้ที่ร้าน
เมล็ดพันธุ์วรรณกรรม ( 2 )
กุลสิริได้รับเชิญออกไปยืนอ่านเรื่องของเธอเองต่อหน้าเพื่อน ๆ และคณาจารย์ร่วม 400 ชีวิต เธอเริ่มอ่านด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ปนประหม่า พอถึงประโยค”...เขาคนนั้นคือปู่ฉันเอง...” เกิดก้อนสะอื้นปนเสียงของเธอ ทุกคนนิ่งฟัง กลั้นหายใจตาม และแทบทุกคนก็เอาใจช่วยให้เธอรวบรวมอารมณ์อ่านต่อไปให้ได้
เหลือใจกับการเสียชีวิต ของลูกหลานไทศรีสะเกษ
ขอแสดงความเสียใจร่วมกับพ่อแม่พี่น้องญาติมิตรทุกคน เหลือใจอย่างยิ่งกับการตายของคนหนุ่มสาวจำนวนสิบกว่าคนในคราวเดียวกัน
เมล็ดพันธุ์วรรรณกรรม
กวี : เด็กชายพีระภัทร จำปาน้อย ชั้น ม.3 หนึ่งในสิบตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนนาสีนวนพิทยาสรรค์ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เข้าร่วมกิจกรรมค่าย”จุดประกายความใฝ่ฝัน เพาะเมล็ดพันธุ์วรรณกรรม” รุ่นที่ 48 ที่โรงเรียนเมืองเตาวิทยาคม อ.พยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งจัดโดย อบจ.มหาสารคาม และกองทุนศิลปินครูบ้านป่า สลา คุณวุฒิ
สำนวนกลอนดี ความรู้ความคิดดี วิทยากรหายสงสัยเมื่อทราบว่าคุณครูเพ็ญศรี กานุมาร ครูสอนวิทยาศาสตร์-นักอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดูแลศิษย์
สายแนนอุษาคเนย์
นํ้าเต้าปุ้งผุดจากซากควายเขาลู่ ฝูงคนหมู่อาศัยได้อุปถัมภ์ ปู่ลางเซิงขุนคานซีเจาะนำ ได้ป่องเกิดอยู่กํ้าเมืองลุ่มเพียง นํ้าเต้าปุ้งควํ่าหงายกายเพศแม่ ยามครรภ์แก่กลมใหญ่ใครจะเถียง ภูมิปัญญาบรรพชนคนเทียบเคียง จึงเรียบเรียงนิทานตำนานมา
ตามรอยพลพรรคเสรีไทย ที่บ้านนาผาง อ.ภูพาน จ.สกลนคร
ยายชีแก้ว ซีด้าม เล่าเรื่องขุนพลภูพาน ว่า... พ่อแม่ท่านไปพบรักกันที่บ้านนาหว้า-นาคอย ท่านเกิดมาได้ 4 ขวบ พ่อแม่ก็ย้ายกลับมาที่บ้านผางาม ครั้งกระโน้นอยู่กันในป่าในดอน 3-4 ครอบครัว ทำนา 2-3 ไร่ หากินกลอยกินมัน พลพรรคครูเตียงมีเป็นกองร้อยกองพัน มีอาวุธ กระจายกำลังกันอยู่ตามตีนภู มาอยู่กันไม่ถึงเดือน ย้ายไปย้ายมา ยายชีแก้วเคยหาบผักหาบเหล้าไปขายให้ ครูเตียงเคยขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้านมาคนเดียว ชอบเหล้าไห เหล้าขี้แกลบ
กราบอาจารย์มานิต วัลลิโภดม และอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม
ในการนำเรื่องราวแอ่งอารยธรรมสกลนครขึ้นปกนี้ ถือเป็นปฐมแห่งการเรียนรู้ผลงานทรงคุณค่าของอาจารย์ทั้งสองท่าน ผู้ร่วมรุ่นบุกเบิกและได้หักร้างถางพงงานด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ มนุษยวิทยา ฯลฯ มาด้วยชีวิต อาจารย์มานิต ท่านเป็นข้าราชการกองโบราณคดี กรมศิลปากร ในระดับปราชญ์ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีรุ่นแรก ๆ ของประเทศไทย
งานด้านการต่างประเทศของราษฎร
“ 71 ปีสร้างตั้ง สปป.เกาหลี / 45 ปีแห่งมิตรภาพ”
บทบรรณาธิการ : โจกโหลกฟ้า
สารานุกรม ภาษา อีสาน-ไทย-อังกฤษ” ของ ปราชญ์ปรีชา พิณทอง อธิบายว่า โจกโหลก ว. ที่ลุ่มซึ่งเป็นแอ่งใหญ่ เรียก ขุมโจกโหลก. large (of hole or pond). สำหรับการใช้ในภาษาพูด(ปาก)ทั่วไปกินความถึง พื้นที่หนึ่ง, ขอบเขต, อาณาเขต เช่น “ใต้โจกโหลกฟ้านี้ใครจะใหญ่เกินกู
ต่อหน้าจิตกาธาน
ร่างของทนง โคตรชมภู กำลังถูกเผาไหม้
ภายในโครงครอบหนาทึบ ส่วนบนเป็นโลงบรรจุศพ ส่วนล่างอัดแน่นด้วยถ่านชุ่มน้ำมัน มีช่องเร่งไฟและปล่องควัน ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมพันคนมาชุมนุมร่วมส่งสะการ
มาเพื่อเรียน”วิชามนุษย์ที่ชื่อทนง โคตรชมภู”
กำหนดการฌาปนกิจศพ ทนง โคตรชมภู
วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ.2562
ณ วัดป่าสีชมภู อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ( วันที่ 9 - 10 กันยายน สวดพระอภิธรรมศพ เวลา 18.00 น.)
ทนง โคตรชมภู มนุษย์ผู้หัวใจไม่ยอมแพ้
ทนง โคตรชมภู เขาพิการแขนขาลีบหมดเรี่ยวแรงตั้งแต่อายุ 13 ปี เขาให้แม่เหลาไม้ไผ่ทำด้ามพู่กัน ฝึกใช้ปาก กล้ามเนื้อคอ ควบคุมทำงาน ใช้สายตามุ่งมั่นเก็บรายละเอียด ใช้สมองที่เต็มไปด้วยจินตนาการออกคำสั่งสร้างสรรค์งาน