ปรัศนี
มนุษย์มีเพศสภาพกว่าชายหญิง
ความคิดยิ่งยากจาระไนไพศาล
แท้จริงดีมีนิยามตามรูปการณ์
เชื่อมด้วยรักจึงสมานสานไมตรี
หลากถ้อยในรอยทาง
ผ่านการค้าการขายเมืองชายขอบ
และโดยรอบอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์
หลากสินค้าเดินทางไปต่างทิศ
หลากความคิดความเชื่อได้เอื้อปัน
กลอนเครือเขากาด
“กลอนเครือเขากาด” นี้ เป็น “กลอนประวัติศาสตร์” แต่งโดย
หมอลำทองลา สายแวว บ้านหัวเรือ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
รวมอยู่ในหนังสือ “ไขภาษิตโบราณอีสาน” ของ ดร.ปรีชา พิณทอง
ผญา: คองคอย
บทผญา คองคอย โดยพระไม้: คองว่าสิได้ มาเห็นหน้า หวนคืนบ้านเก่า คองว่าสิได้ เห็นหน้าเจ้า เมือบ้านถิ่นอีสาน อีสานบ้าน บ่อนแถนแปงอินทร์หล่อ ว่าสิ มีคู่ค้ำ มาตุ้มสร้างสา ฯ โอนอ พอว่าเถิงเดือนอ้าย เดือนเจียง ลมล่วง หนาวหน่วงน้าว ใจอ้ายอ่าวกระสัน พันธนังฮ้อน ฮนฮวยคึดฮอดอุ่น อวลเอย บุญห่านี้ บ่มีน้องอยู่เคียง ฯ
คำโตงโตย
ใผชิหลิงเห็นไส้หัวใจคนใหญ่
ลางเทื่อฝังเกี่ยวไว้
ในหั้นหมื่นดวง บ่ฮู้
ประกายดาวทอง
ผืนธงแดงดาวทองสะบัดโบก
ยุคอาณานิคมโลกล่มสลาย
นามมหาบุรุษโฮจิมินห์กำจรขจาย
หวอเหงียนย้าปชาญชายทหารประชา
คำโตงโตย : “ฮ้อนกว่าไฟ ใสกว่าแก้ว แล้วก่อนทำ”
ฮ้อนกว่าไฟ ได้แก่ใจ ปกติของใจ นึกจะ ทำอะไรก็อยากจะทำเร็ว ๆ อยากจะให้เสร็จ เร็ว ๆ ที่ว่าไฟฮ้อนก็ไม่ฮ้อนเท่าใจ เพราะไฟ ธรรมที่ว่าร้อน ก็เผาได้แต่เฉพาะกาย ไม่เผาใจ ได้ ส่วนไฟคือใจร้อนนี้ มันเผาทั้งร่างกายและ จิตใจ เมื่อใจร้อนแล้วกายวาจาก็พลอยร้อนไป ด้วย
ข้ า คื อ ค น
๐ หนึ่งชาติพันธุ์วรรณาได้ปรากฏ ชีวิตเลี้ยวเคี้ยวคดเกินกฎสร้าง วันปู่ย่าตายายออกเดินทาง ไม่ตายดับจึงถากถางสร้างตำนาน...
กลอนบทละคร (๑๕-๑๖)
บทพากย์ นางลอย ยุคอยุธยา เทียบกับพระราชนิพนธ์ ร.2 ขนบการประพันธ์ของไทยโบราณ ผู้ประพันธ์จะถ่อมตน บางเรื่องไม่แถลงนามผู้ประพันธ์ หลายเรื่องที่ลงท้ายเชิญให้ผู้ที่มีความสามารถสูงกว่าช่วยแก้ไขปรับปรุงให้ด้วย
บทกวี ออกพรรษา
ออกพรรษาลาพระเจ้า
ฝนโปรยคลอเคล้าเรียกลมหนาว
เด็ก ๆ ออกทุ่งวิ่งชักว่าว
หนุ่มสาวอ้อนแม่พ่อออกเรือน.
คำผญา พระไม้: หม่ำ
“เนื้อดีๆ ซอยถี่ๆ ฟักแหลกๆ คั้นแล้ว แดกใส่บั้ง เคียนข้อต่อกัน” ฯ เนื้อดี แข่นอั้นตั้น คั้นใส่หัวผักเทียม ซอยเทิงตับ ใส่นำพอด้าม เอาเทิงม้าม ลงนำจักสะหน่อย คั้นให้มุ่นอ้อยป้อย อุ้ยตุ้ยใส่กัน ของสำคัญว่านั้น แม่นข้าวคั่วลงผสม คั้นจนสมพอควร จนว่าสีหอมกุ้ม แล้วจั่งหยุมลงไส้ อัดดียัดแก่น พู้นเด้อ...อ่านต่อ
คนเดินป่า (จบชุด – มนุษย์ : ฝูงสัตว์ทดลองของพระเจ้า)
ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ฝูงมนุษยชาติก็ยังหลงใหลมะงุมมะงาหรา เดินไปในป่าโลภจริตโดยมีลัทธิเศรษฐกิจกำหนด ป่าเหือดดงแห้งแล้งคุณธรรม อันมีแต่ฝูงสัตว์เศรษฐกิจสัตว์อำมหิตขบกัดมาตลอด ชีวิตมืดบอดไร้แสงแห่งพุทธปัญญา อยู่ในป่าดงกิเลสตัณหาไร้หนทางสู่ความสว่างในชีวิต
บทกวี : ความรักพาเรากลับบ้านเสมอ
ตาบางคู่กู่ว่าข้ามีฝัน
Longyi บอกสามัญแห่งพันธุ์เผ่า
สี่ปีแล้ว ให้ซีดจางและบางเบา
น้ำหมากหมาดปาดแสงเงาพอเข้าใจ
ตามรอยพลพรรคเสรีไทย ที่บ้านนาผาง อ.ภูพาน จ.สกลนคร
ยายชีแก้ว ซีด้าม เล่าเรื่องขุนพลภูพาน ว่า... พ่อแม่ท่านไปพบรักกันที่บ้านนาหว้า-นาคอย ท่านเกิดมาได้ 4 ขวบ พ่อแม่ก็ย้ายกลับมาที่บ้านผางาม ครั้งกระโน้นอยู่กันในป่าในดอน 3-4 ครอบครัว ทำนา 2-3 ไร่ หากินกลอยกินมัน พลพรรคครูเตียงมีเป็นกองร้อยกองพัน มีอาวุธ กระจายกำลังกันอยู่ตามตีนภู มาอยู่กันไม่ถึงเดือน ย้ายไปย้ายมา ยายชีแก้วเคยหาบผักหาบเหล้าไปขายให้ ครูเตียงเคยขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้านมาคนเดียว ชอบเหล้าไห เหล้าขี้แกลบ
กาพย์ไขผญา: เงิน-ทอง
๏ ใจหนอใจมนุษย์ จะสูงสุดเมื่อมีธรรม พื้นเดิมอาจมืดดำ โดยสันดานอันดิบดาย ธรรมดาก็ดูดี ไม่เห็นมีที่อันตราย มีญาติมีมิตรสหาย เกิดเจ็บตายเสมอกัน ถึงคราวร่วมทุนค้า หากำไรมาแบ่งปัน...อ่านต่อ