Category

บทกวี

คำโตงโตย : “ฮ้อนกว่าไฟ ใสกว่าแก้ว แล้วก่อนทำ”

ฮ้อนกว่าไฟ ได้แก่ใจ ปกติของใจ นึกจะ ทำอะไรก็อยากจะทำเร็ว ๆ อยากจะให้เสร็จ เร็ว ๆ ที่ว่าไฟฮ้อนก็ไม่ฮ้อนเท่าใจ เพราะไฟ ธรรมที่ว่าร้อน ก็เผาได้แต่เฉพาะกาย ไม่เผาใจ ได้ ส่วนไฟคือใจร้อนนี้ มันเผาทั้งร่างกายและ จิตใจ เมื่อใจร้อนแล้วกายวาจาก็พลอยร้อนไป ด้วย

ข้ า คื อ ค น

๐ หนึ่งชาติพันธุ์วรรณาได้ปรากฏ ชีวิตเลี้ยวเคี้ยวคดเกินกฎสร้าง วันปู่ย่าตายายออกเดินทาง ไม่ตายดับจึงถากถางสร้างตำนาน...

กลอนบทละคร (๑๕-๑๖)

บทพากย์ นางลอย ยุคอยุธยา เทียบกับพระราชนิพนธ์ ร.2 ขนบการประพันธ์ของไทยโบราณ ผู้ประพันธ์จะถ่อมตน บางเรื่องไม่แถลงนามผู้ประพันธ์ หลายเรื่องที่ลงท้ายเชิญให้ผู้ที่มีความสามารถสูงกว่าช่วยแก้ไขปรับปรุงให้ด้วย

คำผญา พระไม้: หม่ำ

“เนื้อดีๆ ซอยถี่ๆ ฟักแหลกๆ คั้นแล้ว แดกใส่บั้ง เคียนข้อต่อกัน” ฯ เนื้อดี แข่นอั้นตั้น คั้นใส่หัวผักเทียม ซอยเทิงตับ ใส่นำพอด้าม เอาเทิงม้าม ลงนำจักสะหน่อย คั้นให้มุ่นอ้อยป้อย อุ้ยตุ้ยใส่กัน ของสำคัญว่านั้น แม่นข้าวคั่วลงผสม คั้นจนสมพอควร จนว่าสีหอมกุ้ม แล้วจั่งหยุมลงไส้ อัดดียัดแก่น พู้นเด้อ...อ่านต่อ

คนเดินป่า (จบชุด – มนุษย์ : ฝูงสัตว์ทดลองของพระเจ้า)

ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ฝูงมนุษยชาติก็ยังหลงใหลมะงุมมะงาหรา เดินไปในป่าโลภจริตโดยมีลัทธิเศรษฐกิจกำหนด ป่าเหือดดงแห้งแล้งคุณธรรม อันมีแต่ฝูงสัตว์เศรษฐกิจสัตว์อำมหิตขบกัดมาตลอด ชีวิตมืดบอดไร้แสงแห่งพุทธปัญญา อยู่ในป่าดงกิเลสตัณหาไร้หนทางสู่ความสว่างในชีวิต

ตามรอยพลพรรคเสรีไทย ที่บ้านนาผาง อ.ภูพาน จ.สกลนคร

ยายชีแก้ว ซีด้าม เล่าเรื่องขุนพลภูพาน ว่า... พ่อแม่ท่านไปพบรักกันที่บ้านนาหว้า-นาคอย ท่านเกิดมาได้ 4 ขวบ พ่อแม่ก็ย้ายกลับมาที่บ้านผางาม ครั้งกระโน้นอยู่กันในป่าในดอน 3-4 ครอบครัว ทำนา 2-3 ไร่ หากินกลอยกินมัน พลพรรคครูเตียงมีเป็นกองร้อยกองพัน มีอาวุธ กระจายกำลังกันอยู่ตามตีนภู มาอยู่กันไม่ถึงเดือน ย้ายไปย้ายมา ยายชีแก้วเคยหาบผักหาบเหล้าไปขายให้ ครูเตียงเคยขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้านมาคนเดียว ชอบเหล้าไห เหล้าขี้แกลบ

กาพย์ไขผญา: เงิน-ทอง

๏ ใจหนอใจมนุษย์ จะสูงสุดเมื่อมีธรรม พื้นเดิมอาจมืดดำ โดยสันดานอันดิบดาย ธรรมดาก็ดูดี ไม่เห็นมีที่อันตราย มีญาติมีมิตรสหาย เกิดเจ็บตายเสมอกัน ถึงคราวร่วมทุนค้า หากำไรมาแบ่งปัน...อ่านต่อ

คำผญา คืออะไร?

คำผญา ไม่ใช่ถ้อยคำที่ถูกกล่าวหรือถูกเขียนขึ้นอย่างลอย ๆ แต่คำผญาเกิดจากการสั่งสมอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดท่ามกลางความสุขารมณ์ ความแร้นแค้น เป็นเรื่องเป็นราว เป็นบทเรียนของคนที่เจนจัดมาจากการดำเนินชีวิตที่ยาวนาน จนสามารถสรุปบทเรียนและแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

คำผญา : ความจน

ขึ้นชื่อว่าทุกข์จน หนอผู้คนย่อมชิงชัง รังเกียจดุจสังคัง ในสังคมชมคนมี คนทุกข์แทบซุกหน้า ใต้ผืนหล้าหลบหลีกหนี ใครใครไม่ว่าดี แม้น้องพี่พากันเมิน ต่อเมื่อเราหมั่นเพียร ฐานะเปลี่ยนเป็นนายเงิน มวลมิตรมากชิดเชิญ สุขเหลือเกินเพลินอุรา ใครใครใคร่ต้อนรับ นับพี่นับน้องญาติกา...

ต่อหน้าจิตกาธาน

ร่างของทนง โคตรชมภู กำลังถูกเผาไหม้ ภายในโครงครอบหนาทึบ ส่วนบนเป็นโลงบรรจุศพ ส่วนล่างอัดแน่นด้วยถ่านชุ่มน้ำมัน มีช่องเร่งไฟและปล่องควัน ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมพันคนมาชุมนุมร่วมส่งสะการ มาเพื่อเรียน”วิชามนุษย์ที่ชื่อทนง โคตรชมภู”

คำสอนโลกคดีธรรม ภาษาลาว

ช่วงนี้กำลังค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือภาษาลาว ได้พบ “คำสอนโลกคะดีทำ” ในหนังสือ “คำพี อานาจักและทัมมะจัก แห่งทัมมะสาด กดหมายบูรานลาว” ของท่าน สำลิด บัวสีสะหวัด น่าเสียดายที่ท่านสำลิดไม่ได้บอกแหล่งที่มาของเรื่องนี้ และไม่มีอธิบายข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไว้เลย ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นธรรมสอนใจดีมาก ใช้ได้ทั้งใน “วันวาน” และ “วันหน้า”

บทกวี ใ น ห้ ว ง ห า ว

เลือกมุมสูงมุ่งใจปีนป่ายฝัน โรงแรมชั้นสูงสุดคือจุดหมาย แดดระยิบลิบฟ้าสาธยาย ตึกอาคารเรียงรายสายตะวัน ดํ่าเจดีย์สีแดดอิฐแสดสด ปรางค์ปรากฏเป็นกลุ่มอีกมุมฝัน ตึกโอ่โถงอีกแถบอิงแอบกัน สารพันทันสมัยอยู่ใกล้ชิด
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com