มั น ก ะ โ พ ด
สาวคูณนอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงพ่อว่า...มันกะโพด ก็รีบลุกออกจากที่นอน เข้าใจว่าพ่อบ่นให้ตนเอง ว่าคุยบ่าวดึกจึงตื่นสาย เมื่อสาวคูณออกมายังเฮือนเซีย เห็นผู้บ่าวครูนอนเปิดเผยจนน่าเกลียดอีก ก็กระแทกเสียงอุทานเหมือนกับที่พ่อแม่อุทานว่า “มันกะโพด !”
ทำสีรถใหม่
พ่อเฒ่าลมเป็นคนขี้คุยมาแต่กำเนิด เรื่องบ่มีก่ะหา เรื่องบ่มาก่ะซอก จนคนในหมู่บ้านบอกกันไปทั่วว่า “ถ้าอีตาลมเว้าหยังออกมา ให้เอาห้า
สิบหารเด้อ!” ตามความเป็นจริงแล้ว พ่อเฒ่าลมก็ไม่ใช่คนกะล่อน จนเชื่อถือไม่ได้หรอก เพียงแต่แกเป็นคนขี้เล่น หาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสร้าง
ความสนุกสนานให้กับผู้ฟังเท่านั้นเอง
ขี้ลืม
พ่อเฒ่าลมถือพร้าจะออกไปทุ่งนาบ้างแกเดินทางผ่านป่าละเมาะ แกเกิดปวดท้องขี้ขึ้นมากะทันหัน! ก็เลยจะขี้ที่ป่าละเมาะนั่นซะเลย พ่อเฒ่าลมทิ้งพร้าลงบนพื้นดิน แกถอดกางเกงนั่งยอง ๆ ลง แล้วขี้! ในขณะที่แกนั่งขี้อยู่นั้น พ่อเฒ่าลมเหลือบเห็นพร้าเล่มที่แกทิ้งวางไว้ต่อหน้าแกนั่นแหละ! แกลืมและจำไม่ได้ แกเข้าใจว่าเป็นพร้าคนอื่นลืมทิ้งไว้!
ห่ากวาดเมือง
“พ่อเฒ่า! การจ้ำแจ่วโบราณว่ามีสามวิธีเด้อ!”
“มีวิธีใดแหน่ เว้ามาเลย...สาธิตพร้อมเด้อ! จั่งสิเข้าใจ” พ่อเฒ่าอุ่นว่า
“หนึ่ง...โบราณว่า แฮดนอนซำ...”
ว่าแล้วบักก้อนก็เอาข้าวเหนียว ที่ปั้นเป็นก้อนพอดีเคี้ยวเป็นคำได้สะดวก จุ่มแช่ลงในถ้วยแจ่ว...มันแช่ไว้นาน น้ำแจ่วก็ซึมเข้าไปในคำข้าว พอมันยกคำข้าวมาเข้าปากน้ำแจ่วในถ้วยก็ลดวูบลง!
พ่อเฒ่าอุ่นมองดูถ้วยแจ่วที่น้ำแจ่วลดลง พ่อเฒ่าอารมณ์ก็จ้องดูถ้วยแจ่วเหมือนกัน !
“ฮ่วย! แจ่วคือเหลือน้อยแท้?”
ข ว ย จี ห ล่ อ
“แม่นไผ บักใด๋เข้ามาขุดจีหล่อในวัดน่ะ
บาปตกนรกหมกไหม้เด้อ บ่ได้ผุดบ่ได้เกิดเด้อ
สิบอกให้ หยุดเด้อ! บาป ๆ” พูดแล้วหลวงพ่อก็
รีบเดินเข้าหาคนขุดจีหล่อ!
พอหลวงพ่อเดินเข้าไปใกล้คนขุดจิ้งหรีด
จึงเห็นว่าเป็นบักแก้วผู้เป็นลูกเขย
“ที่ข่อยมาขุดจีหล่อนี่ก็จะเอาไปทอดมา
ถวายหลวงพ่อนี่ละ!”
คำเต็มของ ตม.
พันตำรวจโทคำแพง เป็นนายด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) นครพนม ท่านมีลูกสาวสวย สิบตำรวจโทคำตา ประจำอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ทำงานดีมาก จึงมีโอกาสได้เป็นลูกเขยของพ่อเฒ่าพันโทคำแพงแบบไม่ยากนัก
เยี่ยวต้องมาก่อน
“แป๊ด !” เสียงตดบักสี... พ่อเฒ่าตันได้ยินชัดเจน...เสียงมันสอดคล้องกับเลข แปด...“เฮ้ย ! แปดมาแน่ งวดนี้...” พ่อเฒ่าตันว่าไปตามเสียงที่ได้ยิน และไม่นาน เสียงเยี่ยวบักสีก็ตามมาอีก“ฉี่ๆ” พ่อเฒ่าตันได้ยินอีกแล้ว...เสียงมันเหมือนเลข สี่...“ชัด ! สี่ต้องตามมาแน่ ๆ !” ว่าแล้วพ่อเฒ่าตันก็ออกจากบ้านไปแทงหวยกับเจ้ามือในหมู่บ้าน...
บ้าโบก
พ่อเฒ่าใสแกมีนิสัยชอบลุ้นเวลาเล่นโบก แกเคยแง้มกระบอกไม้ไผ่ลุ้นดูเม็ดมะขามมาตลอด วันนี้พ่อเฒ่าใสเข้าไปอาบน้ำ เห็นกล่องสบู่ปิดฝาอยู่ แกก็ค่อย ๆ แง้มฝากล่องสบู่ออกทีละน้อย พอมองเห็นก้อนสบู่สีขาว แกก็ว่า “ฮื่อ..ขาวล้วน !” เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ จะไปกินข้าวเห็นกระติบข้าวเหนียวปิดฝาอยู่ แกก็ค่อย ๆ แง้มฝากระติบข้าวออก ลุ้นดูข้าวทีละน้อย จนเห็นข้าวสีขาว “ฮื่อ !..ขาวล้วน !” แล้วจึงกินข้าว เมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว แกไปล้างมือสูบยา (ดูดบุหรี่) ตามประสาเซียนพนัน... เมื่อสบายใจแล้ว ก็เข้าไปห้องนอน เพราะอดนอนมาหนึ่งคืนแล้ว... พอเข้าไปห้องนอนเห็นเมียนุ่งกระโจมอก นอนนิ่งอยู่บนเตียง
น้ำหมากนาว
“เออ…แพง…โต๋ ฮู้วิธีเฮ็ดหน่อไม้ส้ม โดยบ่ให้หน่อไม้แหล่ (เขียวคลํ้า) ฮึบ่ ?” พ่อเฒ่าพันตั้งกระทู้ถามบักทิดแพง
“บ่ฮู้…บ่จั๊ก!” บักทิดแพงตอบห้วน ๆ พ่อเฒ่าพันก็ว่าต่อ…
“ถ้าโต๋บ่ฮู้ พ่อสิบอกวิธีเด้อ...มันเป็นภูมิปัญญามาแต่โบ๋ราณ…”
ขอโทษ…พ่อบ่เห็นอีหลี !
ความเป็นไม้เบื่อไม้เมาระหว่างพ่อเฒ่ากับลูกเขยนั้น มันมีอยู่ทั่วไปในสังคม “ทางอีศาน” เพราะลูกเขยมักจะต้องถูกบีบบังคับด้วย “ฮีตคอง ประเพณี” มาตามยุคตามสมัยแต่พ่อเฒ่ากับลูกเขยคู่นี้ มีความผิดแผกจากคู่อื่น ๆ เพราะพ่อเฒ่าเป็นผู้มีศีลธรรมประจำใจ “ฮู้ผิด ฮู้ถืก” ไม่ถือสาในการกระทำของบักลูกเขยเท่าใดนัก แม้บางครั้งบักลูกเขยมันแสดงออกนอกลู่นอกทางบ้าง พ่อเฒ่าก็ทำที “เอาหูไปนา เอาตาไปไฮ่” เสีย เพราะถือว่า “มันเป็นผัวลูกสาว” ถ้าขืนไปยุ่งจุก ๆ จิก ๆ มากไป เกิดมันป๊ะมันทิ้งลูกสาวแกไปลูกสาวแกก็จะเป็น “แม่ฮ้าง” ก็จะขายหน้าไทบ้านจึงต้องทนข่มใจทำใจ
ดวงตาใหม่
วันหนึ่ง นายแพทย์ป๋องผู้ลูกเขย ถามความรู้สึกของพ่อเฒ่าอ่อน เหมือนเป็นการประเมินผลไปด้วย
“เป็นไงพ่อ...ตาใหม่ที่ผมเปลี่ยนให้ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง?”
“ข้อดีเรอะ! กลางคืนมืดแค่ไหนก็ตาม ที่ใต้ถุนบ้านเรา พ่อวิ่งได้โดยไม่ชนเสาบ้านเลย! มันชัดกว่าเก่าเยอะ! แต่ข้อเสียมันก็มีนะ!” พ่อเฒ่าอ่อนว่า
งูสิง
“พ่อเฒ่า...มื้อนี้บ่มีอาหารป่าให้เห็นสัก อย่างเลย!... แต่พอขับรถมา เห็นงูสิงเลื้อยข้าม ทาง ยาวประมาณสี่วานี่ละ! ว่าจะหักรถไป เหยียบกะบ่ทัน เสียดายขนาดเลย!”
“ป๊าดโท๊ะ! งูสิงพันธุ์ใด๋ คือสี่ยาวฮอดสี่ วาวะ? โอ้ยกูบ่เชื่อดอก!” พ่อเฒ่าสินว่า
“เอ้า! ถ้าพ่อบ่เชื่อ ข่อยสิลดลงเหลือสองวา พ่อสิเชื่อบ่ล่ะ?”
“โอ้ย! บักห่าอ้นเอ้ย! งูสิงมึงนี่ หดได้ไว ขนาดเนาะ!”
พ่อเฒ่าสีกับบักสอย
พ่อเฒ่าสีเป็นคนใจกว้าง แกมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง ครึ่งหนึ่งแกแบ่งให้ลูกเขย อีกครึ่งหนึ่งแกขุดสระเลี้ยงหอยแบบธรรมชาติ ด้วยการไปเก็บหอยโข่งหอยขม ที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาปล่อยลงในสระแล้วให้อาหาร หอยก็ขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ เก็บกินได้ เก็บขายก็ดี ส่วนบักสอยที่ได้ที่ดินติดกับพ่อเฒ่าสี มันคิดจะเลี้ยงหมี
กลัวผอม
บักสอนมันเกิดรักชอบพอกับสาวกองลูกสาวพ่อเฒ่าหยองกับแม่เฒ่าตุ้ย แม้ว่าสาวกองจะอ้วนไปหน่อย บักสอนก็ไม่รังเกียจ มันกลับคิดว่า “หุ่นแบบนี้แหละ มันเต็มไม้เต็มมือดี” มันถือว่าจิตใจสำคัญกว่าหุ่น แม้หุ่นจะเข้าประเภท “อ้วนสั้น สันหนา” ก็ไม่ถือสา ข้าจะรักของข้าใครจะทำไม?
ป า ก แ ข็ ง
พ่อเฒ่าสีนวน ไทบ้านสำราญ มีลูกเขยชื่อ “บักตุ๊” เป็นชาวจังหวัดชลบุรีที่เว้าไทย (พูดภาษากลาง) แรก ๆ ก็เข้าใจกันยาก เพราะเข้าข่ายคำพูดที่ว่า “ไทยบ่จั๊กซาว ลาวบ่จั๊กยี่สิบ”
เวลาพูดกัน ลูกเขยมักยํ้าถามเพื่อความเข้าใจและสื่อความหมายได้ถูกต้อง บางครั้งพ่อเฒ่าสีนวนก็ชักรำคาญ เนื่องจากบักตุ๊มันมักถามซํ้ายํ้าทวนจนแกขี้เกียจจะตอบ