ข้าว เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน

จำได้ว่า...เมื่อเริ่มเขียน “แม่ช้อย นางรำ” ให้กับนิตยสาร “ทางอีศาน” เมื่อสองปีที่ผ่านมา ได้เคยเขียนเรื่อง “ขวัญข้าว...แม่โพสพ” การเขียนคราวนั้น เป็นการเล่าเรื่องความเป็นมาของ “พระแม่โพสพ” เทวีธัญญาหารแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ กอปรกับที่มีลูกสาวชื่อ “ขวัญข้าว” ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวนาใช้เรียกข้าวในการทำขวัญ ซึ่งเป็นประเพณีไทยแท้แต่โบราณ ที่ทำกันมาเป็นร้อย...เป็นพันปี

ฮีตเดือนสาม

คำว่า “ข้าวจี่” คือ ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วนำมาปั้นเป็นก้อนทาด้วยเกลือคลุกเคล้า ให้ทั่วเอาไม้เสียบกลางแล้วย่างไฟ เมื่อข้าวสุกเกรียมแล้วก็เอาไข่ทาแล้วย่างซํ้าอีกรอบ เสร็จแล้วถอดไม้ออก ต่อมาเอานํ้าอ้อยก้อนยัดใส่แทน งานบุญข้าวจี่เป็นประเพณีที่เก่าแก่ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนี้ ด้วยว่าแต่ก่อนเป็นเดือนชุมนุมพวกแถน หรืองานเลี้ยงผีฟ้าแถนเดือนสุดท้ายซึ่งจัดมาตั้งแต่เดือนอ้ายและเดือนยี่ เมื่อเดือนสาม ไม่มีประเพณีในพระพุทธศาสนาปราชญ์อีสานจึงได้จัดงานบุญข้าวจี่ไว้ในเดือนนี้ จนกลายเป็นงานบุญประจำเดือนสามตั้งแต่นั้นมา

สำบายดี ปี เมิงเฮ้า

“ปักขทึน (ปัก-ขะ-ทึน)” เป็นคำเก่าในวรรณกรรมอีสานโบราณ ตรงกับคำภาษาบาลี ว่าปักขทิน ตรงกับภาษาสันสกฤตว่า ปฺรติทิน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Calendar ปัจจุบันใช้ว่า ปฏิทิน แปลว่า แบบสำหรับดูวันเดือนปี คำว่า ปักขทึน มาจากคำ ๒ คำ

คำโตงโตย

การใช้ภาษาของคน “ทางอีศาน” ในสมัยก่อนสิมีคำเว้าคำจาโดยใช้ศัพท์ทางภาษาลาวเป็นส่วนใหญ่ เช่น ภาษาไทย เรียก สำนวน สุภาษิต คำพังเพยคำเสริม ภาษาลาว “ทางอีศาน” ดั้งเดิมสิเอิ้นว่า ยาบโคง โตงโตย
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com