กรองแก้ว เจริญสุข ลูกศิษย์ก้นกุฏิด้านการเขียนกาพย์กลอนของ “นายผี”

กรองแก้ว เจริญสุข ลูกศิษย์ก้นกุฏิด้านการเขียนกาพย์กลอนของ “นายผี”

อนนั้นท่านกลับมาจากเป็นอัยการที่ปัตตานีแล้ว รู้สึกว่าจะลาออกจากอัยการแล้ว ท่านมาสอน พอรู้ว่าเพื่อนฝูงคนไหนที่อยากรู้กลอนก็สอนหมด แต่ที่สอนอย่างเป็นทางการก็คือป้า เพราะท่านจะไปจากเมืองแล้ว ไม่มีใครทำงานด้านนี้แทน ท่านเห็นว่าป้ามีแววก็เลยสอน

ท่านเป็นคนดี บุคลิกดีค่ะ ก็คุยแต่ไม่ค่อยสนุก เพราะตอนนั้นป้ายังเด็ก เรียนมัธยม แต่ท่านโตแล้ว มาก็คุยแต่สาระ คำพูดดีมาก สุภาพ เรียบร้อย คำไหนที่ป้าเขียนแล้วไม่เรียบร้อยท่านก็จะตัดออกเลย แล้วจะบอกว่าอันนี้ใช้ไม่ได้นะ เป็นภาษาพื้นบ้านที่มันไม่เรียบร้อย

เขา (จัดตั้ง) จับมาชนกันให้เป็นอาจารย์ลูกศิษย์ ท่านก็มาที่บ้าน ใช้เวลาสองสามชั่วโมง มากินข้าวกัน คุยกัน ต่อมาก็เห็นว่ามันจะไม่ดี เขาจะเล่นงานพ่อแม่ก็เลยออกมาข้างนอก มาคุยกันข้างนอก แต่ส่วนใหญ่ป้าจะเรียกท่านว่า ‘พี่ปู’ เพราะชื่อเล่นท่านชื่อปู เพื่อนฝูงที่ใกล้ชิดกันเขาก็จะเรียกว่าปู

มาเจอกันเพราะเขาจะให้เขียนกลอน ท่านก็สอนหมด โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน  ถ้าเขียนกลอนมันต้องตัวนี้กับตัวนี้มันต้องรับสัมผัสกัน ตรงนี้มีไม้ไต่คู้ ถ้าไม่มีไม้ไต่คู้รับสัมผัสกันไม่ได้ มันต้องมีไม้ไต่คู้ทั้งคู่ พอได้คุยกันแล้วป้าไม่เอาอย่างอื่น เอากลอนอย่างเดียว พวกโคลงกาพย์ภาษามันต่างกัน เลยเอากลอนแปดก่อน

ท่านจะวง ๆ ไว้ สี่บรรทัด เราก็จะจำสี่บรรทัดนี้แล้วก็เขียน ตอนแรก ๆ ก็เขียนสั้น ๆ เขียนสี่บรรทัดนี่แหละ ไป ๆ มา ๆ เขียนยาวเลย

ท่านมาสอนสิบกว่าเที่ยวได้ สอนจนกระทั่งท่านพอใจ จนกระทั่งป้าเขียนกลอนเป็น ส่วนเรื่องเนื้อหา ท่านไม่ห่วง เพราะหนังสือที่บ้านมีเยอะ ท่านเอามาไว้เยอะ ก็อ่านมาเรื่อย ๆ จนมาเจอเรื่อง ‘เราชนะแล้วแม่จ๋า’ ของท่าน ท่านก็ให้พิมพ์เลย

ในระหว่างนั้นเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้พูดคุยกัน พูดแต่เรื่องโคลง กลอน ส่วนการร่ำลาท่านไม่ได้บอกเลย ก็รู้ว่าท่านจะไปจากเมืองเร็ว ๆ นี่แหละ ไม่รู้ว่าจะไปเมื่อไร ไม่นึกว่าพบกันวันนี้ แล้วจะไปวันนี้เลย นี่ไม่รู้ ที่จริงคือพบกันครั้งสุดท้ายก็ไปเลย

ผลงานท่านที่ป้าติดใจที่สุดคือเรื่อง ‘ดาบเล่มนี้มีประวัติเด่นชัดอยู่’ ท่านวางดาบไว้ที่ข้างฝาเลยนะ ท่านบอกให้ป้าไปดู “เป็นของปู่ มอบให้พ่อ ต่อถึงข้า” เก้าคำเท่านั้น อธิบายได้ถึงสามชั่วโคตร โอ้โห ทำไมทำได้ถึงขนาดนี้ กินความ ทุกคำมีความหมายหมด “เป็นความหลัง ซึ่งปู่ผู้เสียนา และพ่อมาเสียวัว หมดตัวไป” คือปู่ของท่านเป็นราชการ ทำงานดูแลทางที่พม่าจะเข้ามา จะทำอะไรต้องรายงาน แต่ทีนี้วันนั้นเขารายงานไม่ทัน มันกะทันหัน เขาก็ออกไปสู้ แล้วก็ไล่พม่าออกไปได้ แต่ทางผู้ใหญ่ไม่ยอม บอกทำอะไรไม่บอก เขาก็ไล่ออก ยึดที่นายึดอะไรต่ออะไรหมดเลย ก็เลยเหลือดาบเล่มนี้ไว้ให้พ่อท่านดูต่างหน้า  ทางผู้ใหญ่โกรธมากที่ไปไม่รายงาน เขาคิดว่าทำตัวใหญ่แค่ไหนไปสู้กับเขา แถมปู่ท่านชนะด้วย ป้าจำได้แม่น มันทั้งเจ็บ ทั้งปวด ทั้งสงสาร

เรื่องนี้จำได้ นอกนั้นจำอะไรไม่ได้ จนกระทั่ง “เราชนะแล้วแม่จ๋า” เรียงเองนะ ตัวตะกั่ว เมื่อก่อนเปิดโรงพิมพ์เอง ก็ให้เพื่อนเขาพิมพ์ แต่ตอนหลังโดนจับเพราะไปพิมพ์หนังสือ ‘อธิปัตย์’ ของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เขาไม่มีที่พิมพ์ รัฐบาลไม่ให้พิมพ์ เขาก็มาถามป้าจะพิมพ์ได้ไหม ป้าบอกได้แต่ต้องไปขออนุญาตจากสมาคมหนังสือพิมพ์ ตอนนั้นป้าเป็นเลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์แล้ว เขาก็ขออนุญาต แล้วก็มีประชุมของสมาคมหนังสือพิมพ์ เขาก็มีความเห็นร่วมกันว่าให้พิมพ์ได้ เราก็รับมาพิมพ์

Related Posts

เมืองเสือพยัคฆภูมิพิสัย “ชื่อน่ากลัวแต่ตัวน่ารัก”
จาก “นายผี” ถึง “ทางอีศาน”
ภาพพระเตมีย์ บนใบเสมาทวารวดีอีสาน
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com