ปิดเล่ม ทางอีศาน 127
สรุปน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งและท่วมขัง ระหว่างวันที่ ๒๘ กันยายน – ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๕ เกิดขึ้นในพื้นที่ ๕๙ จังหวัด ๓๒๘ อำเภอ ๑,๕๘๖ ตำบล ๙,๗๗๘ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ๔๔๓,๕๑๐ ครัวเรือน
[ข้อมูลจากข่าว ๓ มิติ]
ฟ้าที่มืดมนมาทั้งฤดูฝนปีนี้จางใส แดดงาม ลมเย็นมาแล้ว น้ำมากปีนี้กำลังจะจากไป เป็นกำลังใจและร่วมกันช่วยพี่น้องผู้ประสบภัยทุกคนทุกครอบครัว
ต้องยอมรับว่า สภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนมากขึ้น เกิดภาวะโลกร้อนโลกหนาว น้ำทะเลหนุนสูง แผ่นดินทรุดตัว และปีนี้ปริมาณน้ำฝนล้นหลาก ภัยพิบัติจึงเกิดทั่วทีปทั่วแดน
ต้องยอมรับกันว่า คนเฮาทำลายธรรมชาติเพิ่มขึ้น ตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกปิดกั้นสายน้ำ สร้างถมที่ราบลุ่มและแหล่งแก้มลิง ทำการสร้างตึกสูงใหญ่และคฤหาสถ์หรูหรา
ต้องยอมรับว่า รัฐการอ่อนด้อยในการบริหารจัดการ ขาดการบูรณาการ ขาดการสื่อสาร ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ไม่เคยสร้างความเข้มแข็งให้ภาคประชาสังคม เคยชินแต่เบิกงบพิเศษงบภัยพิบัติมาแจกใช้ และปล่อยให้ภาคอุตสาหกรรม ผู้มีอำนาจอิทธิพล เข้าไปตักตวงผลประโยชน์จากแหล่งน้ำ
ได้เวลาแล้วที่พี่น้องป้องปายไทเฮาต้องเรียนรู้ ต้องบอกลูกสอนหลานให้รู้ถึงแหล่งกำเนิดสายน้ำ ห้วย หนอง บึง บุ่ง ทาม กุด ฯลฯ เบื้องต้นให้รู้ในละแวกบ้านและภูมิภาคของตนว่า มันไหลมาจากไส ไปไส ก่อนลงแม่น้ำโขงและออกทะเลหลวง
ถึงเวลาแล้วที่ต้องติดตามศึกษาข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ เพื่อความถูกต้องแม่นยำในการลดความเสี่ยง ความเสียหาย และเข้าร่วม เป็นฝ่ายกระทำต่อภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นอีก
เริ่มลงมือป้องกันสายน้ำทุกสาย บ่รุกล้ำรุกรานแหล่งน้ำเพื่อประโยชน์ส่วนตน บ่ยอมให้โรงงานใหญ่น้อยมาฮุบซื้อแผ่นดินริมฝั่งน้ำ บ่ให้ภาครัฐข้ามหัวประชาชนเข้าไปบริหารจัดการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยพลการ
น้ำคือชีวิต มีน้ำจึงมีวัฒนธรรม และสั่งสมเป็นอารยธรรม ดูแล จัดสรร และฝากชีวิตไว้กับวิถีน้ำสืบต่อไปถึงชั่วลูกหลานเหลน