ขอโทษ…พ่อบ่เห็นอีหลี !
ทางอีศานฉบับที่๘ ปีที่๑ ประจำธันวาคม ๒๕๕๕
คอลัมน์: เรื่องเล่าชุดพ่อเฒ่ากับลูกเขย
column: Humourous Tale
ผู้เขียน : ชัด การชนะ
ความเป็นไม้เบื่อไม้เมาระหว่างพ่อเฒ่ากับลูกเขยนั้น มันมีอยู่ทั่วไปในสังคม “ทางอีศาน” เพราะลูกเขยมักจะต้องถูกบีบบังคับด้วย “ฮีตคอง ประเพณี” มาตามยุคตามสมัยแต่พ่อเฒ่ากับลูกเขยคู่นี้ มีความผิดแผกจากคู่อื่น ๆ เพราะพ่อเฒ่าเป็นผู้มีศีลธรรมประจำใจ “ฮู้ผิด ฮู้ถืก” ไม่ถือสาในการกระทำของบักลูกเขยเท่าใดนัก แม้บางครั้งบักลูกเขยมันแสดงออกนอกลู่นอกทางบ้าง พ่อเฒ่าก็ทำที “เอาหูไปนา เอาตาไปไฮ่” เสีย เพราะถือว่า “มันเป็นผัวลูกสาว” ถ้าขืนไปยุ่งจุก ๆ จิก ๆ มากไป เกิดมันป๊ะมันทิ้งลูกสาวแกไปลูกสาวแกก็จะเป็น “แม่ฮ้าง” ก็จะขายหน้าไทบ้านจึงต้องทนข่มใจทำใจ
“ทางอีศาน” สมัยก่อน บ้านเมืองยังไม่มีถนนหนทางดีเหมือนในปัจจุบัน ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ยวดยานพาหนะก็มีเพียงจักรยานที่ชาวบ้าน “ทางอีศาน” เขาเรียกกันว่า “รถถีบ” หรือ “รถตีน” หมายถึง รถที่ใช้ตีนถีบจึงเคลื่อนที่ไปได้ แม้แต่น้ำแข็งก็หากินยาก ชาวบ้านก็เรียกน้ำแข็งว่า “น้ำกัด” เพราะจะกินน้ำแข็งได้ก็ต้องกัดกิน จึงเป็นนิสัยของคนอีสานอีกอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์คือ “เคี้ยวน้ำแข็ง” ติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน !
พ่อเฒ่าคำ แกได้ทิดมีมาเป็นลูกเขย แกก็พยายามทำดีกับลูกเขยทุกอย่าง เพราะแกเป็นคนมีธรรมะในหัวใจ แต่ทิดมีแกก็เป็นคนแบบทิดมีไม่มีธรรมะในหัวใจสักเท่าใดนัก มักเป็นคนขี้เล่นถ้าได้แกล้งคนบ้างในแต่ละวันก็จะมีความสุขใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งการแกล้งพ่อเฒ่า !
วันหนึ่ง พ่อเฒ่าคำเห็นทิดมีผู้เป็นลูกเขยขี่รถถีบได้คล่อง เห็นมันเคยให้ลูกเมียขี่ซ้อนท้ายไปไหนมาไหนได้คล่องดีนัก จึงขอวานให้ลูกเขยขี่ไปส่งที่หมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลนัก เส้นทางก็สภาพดี ทิดมีก็ไม่ขัดขืน แม้จะต้องเป็นคนถีบก็ต้องทำเพราะพ่อเฒ่าขอร้อง แต่ถ้ามีช่องทางพอแกล้งพ่อเฒ่าได้บ้าง ก็ต้องเอากันบ้างล่ะเพื่อเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ
บักทิดมีบอกพ่อเฒ่าก่อนออกเดินทางว่า “พ่อเฒ่า…เวลาเจ้านั่งคาบซ้อนท้ายรถถีบ ทางที่ดีต้องห้อยขาลงให้เป็นธรรมชาติ สบาย ๆ บ่ต้องงอขาขึ้นเหยียบบ่อนได๋บ่อนหนึ่งให้ยาก เมื่อรถเสียหลักเจ้าสิได้จึ้งขาทัน”
“เออ…กูก่ะสิห้อยขาคือมึงบอกหั้นละ” พ่อเฒ่าปฏิบัติตาม
พอรถถีบเคลื่อนที่ไป พ่อเฒ่าก็เอาขาทั้ง ๒ ข้างห้อยลงไปแบบสบาย ๆ มันก็สบายแบบบักทิดมีมันบอกจริง ๆ รถถีบก็เคลื่อนไปตามแรงถีบแรงปั่นของลูกเขย พ่อเฒ่าคำใช้มือ ๒ ข้างจับเอวลูกเขยไว้ แผ่นหลังของลูกเขยก็บดบังมองไม่เห็นอะไรอยู่ข้างหน้า พ่อเฒ่าคำก็นั่งสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ
และแล้ว…บักทิดมีมันมองเห็นลู่ทางที่จะแกล้งพ่อเฒ่าได้บ้างแล้ว! ข้างหน้าปรากฏมีกองขี้ควายกองใหญ่ เป็นกองขี้ควายใหม่ ๆ ที่ยังเหลวอยู่ซะด้วย ! มันรีบถีบให้เร็วขึ้น เฉียดเข้าไปใกล้กองขี้ควาย ! ระยะเหมาะพอดีกับตีนพ่อเฒ่า
“เป๊ะ !” เสียงตีนพ่อเฒ่าคำตำเข้ากับกองขี้ควาย ขี้ควายเหลว ๆ แตกกระจายกระเด็นถึงขาพ่อเฒ่าคำ !
“แหม่นหยังบักทิด !” พ่อเฒ่าคำตกใจ ก้มดูตีนตัวเอง กลิ่นขี้ควายตลบอบอวล
บักทิดมีรีบชิงพูดขึ้นมาดัง ๆ ว่า
“เป็นหยังเจ้าจั่งบ่งอขาขึ้น ไปเตะมันเฮ็ดหยังกองขี้ควาย เหม็นก่ะเหม็น เปื้อนก่ะเปื้อน ! เบิ่งแหน่ต๋าน่ะ !”
พ่อเฒ่าคำผู้มีคุณธรรมในหัวใจก็เลยบอกกับลูกเขยว่า
“ขอโทษหลาย ๆ เด้อทิด… พ่อบ่เห็นอีหลี”.