ระวัง! ห่าตำหัวใจ
ผู้เฒ่าผู้แก่บอกเล่าต่อ ๆ กันมาว่า “ห่า” เป็นผีประเภทหนึ่ง ผีตนนี้ทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรง และพรากชีวิตผู้คนจำนวนมาก จึงเรียกชื่อโรคนี้โดยรวมว่า “โรคห่า”
โรคห่าเกิดได้ทั้งจากคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม เมื่อสรรพสิ่งบนผิวโลกสะสมความสกปรกโสมมต่าง ๆ เชื้อร้ายก็จะเพาะแตกตัวขึ้น เรื่องน่าแปลกคือ ครบรอบร้อยปีมันจะออกอาละวาดสักครั้ง พ.ศ.๒๒๖๓ เกิดกาฬโรค ~ “ห่าตำตับ” พ.ศ.๒๓๖๓ เกิดอหิวาตกโรค ~ “ห่าตำไส้” พ.ศ.๒๔๖๓ เกิดไข้หวัดใหญ่ ~ “ห่าตำหัว” พ.ศ.๒๕๖๓ เกิดโควิด ~ “ห่าตำปอด”
แม้กระนั้นในรอบ ๓๐๐ – ๔๐๐ ปีที่ผ่านมา มนุษย์ยังไม่ใส่ใจต่อเรื่องโรคระบาด อาจจะเป็นเพราะการเกิดแต่ละครั้งมันกระโดดข้ามช่วงอายุคนมาสองสามรุ่น เหตุการณ์จริงที่ได้ยินได้ฟังจึงเหมือนได้ฟังนิทานตำนานแต่ครั้งไกลโพ้น ทำให้ไม่เคยมีการรณรงค์ให้ความรู้ ไม่เคยเตรียมตัวรับมือในขอบเขตทั่วโลก มิหนำซ้ำมนุษย์ยิ่งมุ่งแก่งแย่งแข่งขัน ทำร้ายกันและทำลายธรรมชาติหนักหน่วงขึ้น
นอกจากนั้นสำหรับประเทศไทย ห้วงแห่งการอุบัติของโรคห่าตำปอด วิกฤตการณ์นี้ได้เผยย้ำให้เห็นสาเหตุแห่งความไม่พัฒนาล้าหลังของสังคมในทุกด้าน ผู้นำผู้บริหารไร้ความสามารถ มีผลประโยชน์ทับซ้อน ข้ารัฐการขาดประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยการกินสินบาทคาดสินบน อภิสิทธิ์ชนและกลุ่มทุนผูกขาดครองเมือง ชีวิตคนเล็กคนน้อยถูกเอารัดเอาเปรียบ ไร้โอกาส ไร้สวัสดิการ
พี่น้องเราออกจากบ้านมาขายแรงงานในเมือง ทนอดอยากเหนื่อยยาก ทนการดูถูกเหยียดหยาม เพื่อหวังกำเงินร้อยเงินพันส่งให้ทางบ้านบ้าง ครั้นเกิดโรคห่าตำปอด รัฐบาลนายทุนใหญ่นายทุนน้อยไม่เพียงไม่ปกป้องถนอมดูแล กลับปล่อยให้ซมซานไปรักษาไปตายที่บ้าน แถมยังนำเชื้อร้ายไปแพร่ให้ครอบครัวและคนในหมู่บ้าน
ยังดีที่ “หัวใจ” ของหมู่บ้านยังเข้มแข็ง พี่น้องเราคงเปี่ยมด้วยความรัก ความสามัคคี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีศีลมีธรรม มีปัจจัยพื้นในการดำรงชีวิต และรับรักษากัน เรื่อง “หัวใจ” ของหมู่บ้านนี้เราต้องซึมซับ สืบทอด และพัฒนาให้แข็งแกร่ง มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานต่อไปเรื่อย ๆ อนาคตอีกร้อยปีพันปีข้างหน้าอย่าให้เกิดโรคห่าตำหัวใจขึ้นได้