ภาพฝัน โดย สมคิด สิงสง
ผมตั้งชื่อสวนว่า “วนเกษตรอินทรีย์วิถีคนกับควาย เฮือนดินตีนภู” เพราะมันเป็นพื้นที่ทำการเกษตรแบบผสมผสาน ในเนื้อที่ ๓๐ ไร่ที่พ่อแม่แบ่งปันให้เป็นที่ทำกิน
พรมแดนลาวสมัยเจ้าฟ้างุ่ม
ดังนั้นแล้ว พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาจึงแต่งราชบรรณาการมาถวาย คือช้างพราย ๕๑ เชือก ช้างพัง ๕๐ เชือก ทองคำสองหมื่น เงินสองหมื่น นอแรดแสนนอ กับเครื่องบรรณาการอื่นๆ อีกอย่างละร้อย เจ้าฟ้างุ่มจึงไม่เสด็จไปตีกรุงศรีอยุธยา เวลานั้นพระองค์จะให้ทำพิธีปฐมกรรมประหารชีวิตเจ้าเมืองที่จับได้นั้นทั้งหมดเพื่อฉลองชัยปราบดาภิเษก ความนี้ร่ำลือไปถึงหูพระมหาปาสะมันตะเถระเจ้าผู้เป็นอาจารย์ พระเถระเจ้าจึงมาขอบิณฑบาตชีวิตของเจ้าเมืองเหล่านั้นไว้ พระองค์ก็โปรดประทานอภัยโทษให้ และปล่อยให้คืนครองบ้านเมืองของตนต่อไป แล้วสมเด็จพระเจ้าฟ้างุ่มจึงยกทัพกลับคืนนครเวียงจันทน์...
ขี้ข้าเขา : ชาติชั่วอย่างดี
ท่านบอกพวกเราว่าการศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ถ้าเราอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม แล้วมองผ่านช่องหน้าต่างหรือประตู เราก็จะเห็นภาพภายในกรอบประตูหรือหน้าต่าง แต่เมื่อใดที่เราออกจากห้องสี่เหลี่ยมนั้น แล้วมองไปโดยรอบ เราจะเห็นโลกทั้งโลก
สัญชาติลาวกลายเป็นไทยในบังคับสยาม
เรื่องนี้ผมจะยังไม่ปักใจเชื่ออย่างหนึ่งอย่างใดลงไป เพียงแต่รับฟังไว้เป็นข้อมูล จากมุมมองของคนต่างประเทศ ยังต้องนำมาใคร่ครวญให้สมเหตุสมผลต่อไปอีก เพราะผมคิดว่าการสืบค้นประวัติศาสตร์จะต้องกระทำด้วยท่าทีของผู้ซึ่งบรรลุวุฒิภาวะ โดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่ ไม่บังควรทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์เป็นการสร้างความขัดแย้งใหม่ ๆ จากความขัดแย้งเก่าในประวัติศาสตร์ แต่ควรศึกษาประวัติศาสตร์ความขัดแย้งในอดีตเพื่อเก็บรับเป็นบทเรียน เพื่อจะได้กำหนดท่าทีต่ออนาคตได้อย่างเหมาะสม
เขียนคำ ลำนำภาพ : ลูกแม่
แรกเริ่มแม่ลูกเขาผูกพัน
สัญชาตญาณนั้นแต่กำเนิด
แม่ลูกโดยสายเลือดเขาก่อเกิด
คนควายล้วนเลิศมิแผกเพี้ยน
เขียนคำ ลำนำภาพ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีสิ่งใดบ้างหนาที่แท้เที่ยง มีสิ่งใดจีรังตั้งมั่นเพียง
ไม่เอนเอียง อมตะ เป็นนิรันดร์
พร้อมสรรพรับปีใหม่ ๒๕๕๗
๏ พ้นผ่านฉนำหนึ่งสติพึงคะนึงเห็นเดือนปีกระชากเช่นก็จะลากสกานกลาย
พรมแดนไทย สมัยต้นรัตนโกสินทร์
ในขณะที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีกำลังตรากตรำพระราชภารกิจกอบกู้บ้านเมือง และเร่งขยายขอบขัณฑสีมาอยู่นั้น ทางกรุงเวียงจันทน์ก็เกิดกรณีขัดแย้งกับเมืองหนองบัวลุ่มภู หรือนครเขื่อนขัณฑ์กาบแก้วบัวบาน จนเป็นตำนานในประวัติศาสตร์เมืองอุบลราชธานีในปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์บางหน้า ก่อนมีภาคอีสานของไทย
เจ้าฟ้างุ่มเกิดในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔ (บางฉบับว่า ค.ศ. ๑๓๑๖ หรือ ๑๓๒๘) เป็นโอรสองค์สุดท้าย ๑ ใน ๔ องค์ (หญิง ๒ ชาย ๒) ของเจ้าฟ้าเงี้ยว หรือ ขุนผีฟ้า เวลาประสูติออกมามีฟันเกิดมาพร้อม ๓๓ ซี่ เป็นเหตุให้อำมาตย์ราชมนตรีทั้งหลายเกรงจะเป็นเสนียดแก่บ้านเมือง จึงทูลให้พระราชบิดาเนรเทศพระราชโอรสด้วยการลอยแพล่องไปตามลำแม่น้ำโขง