Category

ศิลปวัฒนธรรม – ประวัติศาสตร์

พื้นเวียง วรรณกรรมต้องห้าม

วรรณกรรมเรื่อง พื้นเวียง เป็นที่แพร่หลายทั้งลาวและลาวอีสาน ในลักษณะการลำพื้น แล้วไม่นานก็เลือนหายไป ทั้งนี้เพราะเมื่อครั้งอำนาจทางกรุงเทพฯ ขยายออกมา ได้ส่งเจ้านายออกมาดูแลควบคุมหัวเมืองอีสาน หลังสงครามเจ้าอนุวงศ์ วรรณกรรมเรื่องนี้ได้เขียนเล่าเหตุการณ์ไว้ในใบลานด้วยตัวอักษรภาษาพื้นเมืองอีสาน

บางวิถีผู้ไท ในชาติพันธุ์อีศาน

มักจะกล่าวกันว่า แผ่นดินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแผ่นดินของชาติพันธุ์ลาว แท้จริงแล้วยังมีชาติพันธุ์ใหญ่น้อยอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ นับแต่ชาติพันธุ์ญัฮกฺร บรูฮฺ ข่า แสก โส้ กะเลิง กุลา ญ้อ โย้ย เยอ กูย กวย เขมร และโดยเฉพาะชาติพันธุ์ผู้ไท ซึ่งมีประชากรรองลงมาจากชาติพันธุ์ลาว แสดงให้เห็นว่าแผ่นดินภาคตะวันออกเฉียง เหนือของประเทศไทยมีชาติพันธุ์ต่าง ๆ อาศัยอยู่อย่างหลากหลาย จึงเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเรียกรวม ๆ ว่า “ชาติพันธุ์อีศาน” และอาจจะเรียกว่า “ประชาชาติอีศาน” ในโอกาสต่อไป

นอ เครื่องคํ้าของคูณแห่งลุ่มแม่นํ้าโขง

“คํ้าคูณ” หมายถึง เป็นมงคล หรือบังเกิดความสุขความเจริญ สิ่งใดที่มีแล้วเชื่อกันว่าจะนำมาซึ่งความเป็นมงคล ทำให้บังเกิดความสุขความเจริญแก่เจ้าของคนสองฝั่งแม่นํ้าโขงเรียก สิ่งนั้นว่า “เครื่องคํ้าของคูณ” ซึ่ง คุณพ่อ ปรีชา พิณทอง ปราชญ์แห่งเมืองอุบลราชธานีได้สาธยายเรื่องเครื่องคํ้าของคูณไว้ใน “สารานุกรมภาษา อีสาน-ไทย-อังกฤษ” ว่าเป็นสิ่งที่คนโบราณถือว่าใครมีไว้ในบ้านเรือนจะสมบูรณ์พูนสุขด้วยลาภยศ

บุญคูนลานเดือนยี่ : ทำนาปลูกข้าว บุญก็ได้หัวใจก็ม่วนซื่น

ครูคำมูนว่าคาถาตีข้าว อาคัจฉาหิ อภิชาตสหมมะ ว่า ๗ ครั้ง ตีข้าว ๗ หน จากนั้นเริ่มต้นคนแรก ใช้เครื่องมือจับมัดฟ่อนข้าวแล้วยกให้สูงเหนือหัว แล้วฟาดลงไปที่ลานข้าว ข้าวร่วงออกจากรวง ตีข้าวอยู่สองสามหนจนข้าวร่วงหมดจากมัดฟ่อนข้าวแล้ว คราวนี้ก็เป็นการโยนมัดฟ่อนข้าวไปเก็บกองไว้อีกที่ แล้วการละเล่นสนุกสนานก็เกิดขึ้น

“บักหุ่ง” – “ตำบักหุ่ง”

“บักหุ่ง ” พืชพื้นถิ่นแถบอเมริกากลางโน้นอพยพแพร่พันธุ์ไปทั่วโลก เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี่เอง ครั้นเมื่อเดินทางถึงภาคอีสาน “บักหุ่ง” ผูกเสี่ยวกับปลาแดกแล้ว ไม่เคยแยกจากกันอีกเลย เป็นคู่ฮักแพงทุกมื้ออาหาร แถมเป็นของว่างได้ทั้งยามเช้ายันคํ่าคืนดึกดื่น

พุทธศาสนาเข้าสู่อีสาน…ในตำนานอุรังคธาตุ

ในดินแดนอีสานปัจจุบัน มีการนับถือศาสนาที่หลากหลาย เนื่องจากมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมจากต่างถิ่น เพราะศาสนาเหล่านั้นล้วนมีต้นกำเนิดจากแดนไกล ที่ไหลบ่าเข้ามาแทนที่และซ้อนทับศาสนาผีดั้งเดิมที่มีอยู่ในแผ่นดินอีสาน ศาสนาที่ปักหลักมั่นและแพร่ขยายอย่างกว้างขวางคือ “พุทธศาสนา” จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ตั้งแต่ยุคต้นพุทธกาลจนถึงหลังจากพุทธปรินิพพานเมื่อกว่า ๒,๕๐๐ ปีก่อน ดินแดนอีสานและลุ่มแม่นํ้าโขงได้มีการซึมซับรับเอาพุทธศาสนาเข้ามาอย่างไร?

ผีตาโขน ผีตาขน ผีตามคน ผีตามใคร?

ถึงแม้ขบวนแห่ผีตาโขนจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนจากทั่วสารทิศ ให้ไปเยือนอำเภอเล็ก ๆ ในหุบเขาอย่างด่านซ้าย จังหวัดเลย แต่สาระสำคัญที่แท้จริงของ “งานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน”

ภูมิรัฐศาสตร์ภาคอีสาน และการลุกขึ้นสู้ของชาวอีสาน (๒)

การศึกษาทางภูมิรัฐศาสตร์ภาคอีสาน จะต้องมีความรู้ความเข้าใจภูมิศาสตร์พื้นฐาน ภูมิมิติหรือมิติทางพื้นที่ โดยจะต้องรู้ถึงที่ตั้ง ขนาดรูปร่าง เขตแดนตลอดจนลักษณะของพื้นที่ทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิมิติต่าง ๆ ที่กล่าวถึงนี้ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง ผลทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่

ภูมิรัฐศาสตร์ภาคอีสาน และการลุกขึ้นสู้ของชาวอีสาน

วิชาภูมิศาสตร์นั้นมีความสำคัญในเรื่องของความรู้เกี่ยวกับพื้นที่และบริเวณต่าง ๆ บนพื้นโลก พื้นที่หรือภูมิเป็นตำแหน่งของวัตถุในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งบนพื้นโลก ซึ่งมีเรื่องของเวลามาเกี่ยวข้อง และเวลาหรือกาลนี้เองที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ เรียกว่า มีความเป็นอนิจจังของพื้นที่นั้นเอง

[๖] ปาจิต อรพิม ในงานศิลปะ (๑)

จากเรื่องเล่าของชาวบ้าน สู่วรรณกรรมทางพุทธศาสนา และได้รับการบันทึกในรูปคำกลอน ทั้งโคลงทวาทศมาส ปาจิตตกุมารกลอนอ่าน และในรูปใบลานนิทานธรรม มีอิทธิพลผ่านการเล่าด้วยการบันทึกในรูปแบบตัวเขียน และการเทศนา ย้อนกลับไปสู่ชาวบ้านให้ได้รับรู้เรื่องราวนิทานพื้นบ้านของตนอีกครั้ง นอกจากการบันทึกในเชิงวรรณกรรมแล้ว ยังมีอีกรูปแบบของการบันทึกความประทับใจในตำนานปาจิตอรพิม ในรูปแบบงานศิลปะแขนงอื่น ๆ ทั้งภาพวาดฝาผนัง หรือที่ทางอีสานเรียกว่า “ฮูปแต้ม” ภาพวาดที่บานหน้าต่าง

หลวงพ่อพระมหาถาวร

ไม่ไกลจากสยามพารากอน ศูนย์การค้ากลางกรุง ท่ามกลางตึกและศูนย์การค้าทันสมัยของอาคารในยุคปัจจุบัน ยังมีสถานที่แห่งหนึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวและเป็นสถานปฏิบัติธรรมกลางกรุงซึ่งเป็นพระอารามที่เคยเป็นสถานที่จำพรรษาของพระมหาเถรในฝ่ายกรรมฐานหลายรูป อย่างวัดบรมนิวาส วัดปทุมวนาราม

โตเปี๊ยะ (ตัวฟ้าผ่า) ของจ้วง เจ้าฟ้าแผดขวานคำ ของไทอาหม

หมาเก้าหาง ขึ้นไปขโมยเมล็ดพันธุ์ข้าวจาก ตัวเปี๋ยะ ตัวเปี๊ยะใช้สายฟ้าขว้างใส่หมาเก้าหาง ถูกหางหมาขาดไปแปดหาง หมาเก้าหางหนีรอดมาได้ เหลือหางเพียงหางเดียวแต่ก็ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวมาให้มนุษย์ ชาวจ้วงดึกดำบรรพ์จึงบูชาหมา

ผีปอบ

เรื่อง “ผีปอบ” เป็นข่าวอีก เพราะมีกรณีพรากลูกพรากพ่อแม่ ด้วยการขับไล่ออกจากหมู่บ้านด้วยข้อหาว่าเป็นผีปอบ ความจริงเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายแห่ง แต่ไม่เป็นข่าว มีทีวีบางช่องไปเจาะข่าวแทนที่จะให้คำอธิบาย กลับทำให้สับสนมากขึ้นไป อีก เพราะไม่ได้ทำการบ้านเพียงพอ

ตำนานเกี่ยวกับเมืองสุวรรณโคมคำ ฉบับภาษาลาว

การก่อตั้งแว่นแคว้นทางภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบันตามตำนาน (ตำนานก็คือการเขียนประวัติศาสตร์ตามแบบของคนโบราณ) แว่นแคว้นแรกคือ “สุวรรณโคมคำ”

‘เบญจมินทร์’ ราชาเพลงรำวง

ทางอีศาน ในส่วนของ เสียงเมือง ฉบับนี้ขอพูดถึงขุนพลเพลงผู้ใหญ่ ซึ่งสำนักวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ประกาศเกียรติคุณให้เป็น “อมตศิลปินมรดกอีสาน” คนแรกของรางวัลนี้มอบแด่ศิลปินผู้ที่มีผลงาน และยังคงมีชื่อเสียงเป็นที่คุ้นเคยของประชาชนอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายได้แก่ ตุ้มทอง โชคชนะ หรือ “เบญจมินทร์” ครูเพลงชาวอุบลราชธานีผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถทั้งการประพันธ์ การขับร้อง อีกทั้งยังเป็นผู้เขียน
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com