เสียงเพลงของชาวนาเมื่อหน้าฝน
ฝนตกฝนตกจากฟ้า
ตกลงมาสู่ไร่สู่นา
แห้งแล้งจนแสนระอา
ตกลงมาอย่าช้าเร็วไว
# อหังการ์ของอีแร้ง
แก๊ว แก๊วโก่งคอร้อง
เสียงกึกก้องกระพือบิน
จ๊อก จ๊อกที่ได้ยิน
เสียงกระจอกร้องสู้ตาย
บทนำ ฉบับ “ฟ้าใหม่”
นักคิดนักเขียนที่มีความคิดก้าวหน้าคนหนึ่ง ให้ความหมายของศิลปไว้ว่า ศิลป คือผลิตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถ่ายความจัดเจนในทางสร้างสรรค์ที่ได้รับจากการต่อสู้ของชีวิต ทั้งในทางธรรมชาติและทางสังคม ทั้งนี้โดยสะท้อนถ่ายออกมาในแง่ความงาม แนบแน่นกับความเป็นจริง มีความตรึงตราและง่ายในระดับที่ประชาชนส่วนข้างมากสามารถชื่นชม และเข้าใจได้ อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาที่มันถือกำเนิดขึ้นมา
กวี
สมัยโบราณ
คนชอบร้องเพลงเกี่ยวกับธรรมชาติ
หิมะและดอกไม้
ดวงจันทร์และสายลม
กลุ่มหมอก
ภูเขาและลำน้ำ
# ส ร ร พ สิ่ ง
ดาวโลกเมื่อเริ่มวิวัฒน์จนเกิดวัฏจักรขึ้นเป็นธรรมดาธรรมชาตินั้น จะงดงาม สุกสกาว สว่างไสวในเวิ้งจักรวาลปานใด
ว่าด้วยเงือก (๔) ขวัญไทดํา จากองค์ความรู้ของ ดร.คําจอง
ต้นเค้ากำเนิดบทความเรื่อง “เงือก” ของข้าพเจ้า เริ่มจากวันไปร่วมงานของ “มูลนิธิโกมล คีมทอง” แล้วแวะเข้าศูนย์หนังสือธรรมศาสตร์เห็นหนังสือชุด “ด้วยรัก” รวมบทความในโอกาสศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา อายุ ๗๒ ปีเรื่อง “ชนชาติไท” ราคาห้าร้อยบาทรีบซื้อทันทีเมื่อพลิกดูพบภาพ “เงือก” เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น (เคยตีพิมพ์มาแล้วในหนังสือ TAI CULTURE iii - 2 , December 1998 แต่ข้าพเจ้าไม่มีหนังสือเล่มนั้น) ตื่นเต้นมาก