ปิดเล่ม

สังคมมนุษย์อายุหมื่นกว่าปี เริ่มต้นมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงช้าเหลือเกิน มนุษย์พัฒนาทางสมอง สร้างระบบคิด ความเชื่อ ทีละน้อย ๆ ใช้เวลาเนิ่นนาน กว่าจะมีศาสนาและระบบปรัชญา และทุกวันนี้มนุษย์ก็ยังอยู่ในภายใต้อิทธิพลเครือข่ายของศาสนาไม่กี่ศาสนา

ทุกวันนี้ดูเหมือนว่ามนุษย์มีความรู้ความเจริญ จนหลงเรียกตัวเองว่า “สิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา” และก็กระหายใคร่รู้ว่าในจักรวาลอันกว้างใหญ่มหาศาลนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาชนิดอื่นดำรงอยู่หรือไม่

จักรวาลนั้นใหญ่โตเหลือเกิน มนุษย์เรายังมีความรู้เรื่องจักรวาลน้อยนิด แต่ก็ฝันใฝ่ว่าจะอพยพไปตั้งอาณานิคมกันที่ดาวอังคารและดวงจันทร์…ในไม่นานนี้

มนุษย์ฝันจะไปอยู่บนดาวอังคาร ทั้ง ๆ ที่มนุษย์เองยังจัดการแก้ปัญหาให้มนุษย์อาศัยอยู่ร่วมโลกกันเองอย่างสงบสันติสุขภายในโลกใบนี้…ยังไม่ได้เลย

ในโลกทุกที่ทุกแห่ง ล้วนมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ล้วนมีปัญหาอคติเหยียดหยามเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ภาษา มีความขัดแย้งแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวก แม้คนในประเทศเดียวกันก็ยังขัดแย้งแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้ง หรืออาจถึงขั้นต่อสู้ทำร้ายฆ่าฟันกันเองก็มี ก่อนออกไปท่องจักรวาลกว้างไกล มนุษย์หัดเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติสุขดีกว่าไหม?

มองโลกองค์รวม มนุษย์เราก็มีกลุ่มประเทศที่ดูเหมือนแตกแยกทะเละเบาะแว้งกันอยู่ คือกลุ่มพันธมิตรตะวันตกซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นหัวโจกกับกลุ่มรัสเซีย จีน อิหร่าน ในแต่ละประเทศก็มีกลุ่มแตกแยกกันเองอยู่เกือบทุกประเทศ แม้แต่ประเทศไทยซึ่งเคยสงบสุขมานานก็เริ่มมีความขัดแย้งกันมากขึ้น ในประเทศเมียนมาเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทย ก็กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติที่ยังไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศจะออกมาในรูปไหน

มองในด้านชีวิตความเป็นอยู่ด้านเศรษฐกิจสภาพธรรมชาติแวดล้อม ทุกประเทศเกือบทั่วโลกก็อยู่ในสภาพปรวนแปร ดูประเทศไทยเราเอง ซึ่งเคยมีสภาพอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันก็ปรวนแปรมีภัยธรรมชาติคุกคามมากขึ้นเรื่อย ๆ สองสามปีมานี้ภัยแล้งสร้างหายนะมาตลอด ปีนี้…ภัยแล้งก็จ่อเข้ามาคุกคามแล้วอย่างน่ากลัวเสียด้วย

“การบริหารจัดการน้ำ” เป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศไทย เราจำเป็นต้องวางโครงการ คิดแก้ไขป้องกันกันอย่างจริงจังเสียแต่ต้น เลิกคิดเลิกเชื่อว่าเมืองไทยอุดมสมบูรณ์ ไม่อดไม่อยาก แต่ต้องคิดว่าโลกกำลังจะวิกฤติไปทั่ว

ความรู้พื้นฐานด้านเกษตรกรรมของเรามีดีแต่เราต้องจัดการปัญหาอย่างเป็นระบบ ทงานอย่างมีแผนโครงการเป็นเอกภาพ จัดการปัญหาอย่างสามัคคีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่รักใคร่ปรองดองสังคมไทยจึงจะเข้มแข็งเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

Related Posts

พระพุทธมิ่งเมือง พระพุทธรูปยืนวัดสุวรรณาราม
ประวัติและที่มา ทำไมจึงได้ชื่อว่า มุกดาหาร (จ.มุกดาหาร)
เกร็ดในความกาก – (๑) กะหล่ำปลีสีทันดร
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com