Category

บทกวี

เชิญธง “ทางอีศาน”

เชิญธงแล้วจ้วงเหล้าจากไหใหญ่ เหล้านี้ต้มด้วยใจรสเข้มข้น จอกแรกถวายแถนเบื้องบน สาดจอกสองบูชาบรรพชนคนสร้างไท ตำจอกสามกับมวลมิตรสหาย กินดื่มให้ชุ่มใจกายเพื่องานใหญ่ อิ่มหนำแล้วเราออกเคลื่อนขบวนไกล ไปเฮาไปไปแปงสร้างทางอีศาน...

ปรัศนี

มนุษย์มีเพศสภาพกว่าชายหญิง ความคิดยิ่งยากจาระไนไพศาล แท้จริงดีมีนิยามตามรูปการณ์ เชื่อมด้วยรักจึงสมานสานไมตรี

กลอนเครือเขากาด

“กลอนเครือเขากาด” นี้ เป็น “กลอนประวัติศาสตร์” แต่งโดย หมอลำทองลา สายแวว บ้านหัวเรือ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี รวมอยู่ในหนังสือ “ไขภาษิตโบราณอีสาน” ของ ดร.ปรีชา พิณทอง

ผญา: คองคอย

บทผญา คองคอย โดยพระไม้: คองว่าสิได้ มาเห็นหน้า หวนคืนบ้านเก่า คองว่าสิได้ เห็นหน้าเจ้า เมือบ้านถิ่นอีสาน อีสานบ้าน บ่อนแถนแปงอินทร์หล่อ ว่าสิ มีคู่ค้ำ มาตุ้มสร้างสา ฯ โอนอ พอว่าเถิงเดือนอ้าย เดือนเจียง ลมล่วง หนาวหน่วงน้าว ใจอ้ายอ่าวกระสัน พันธนังฮ้อน ฮนฮวยคึดฮอดอุ่น อวลเอย บุญห่านี้ บ่มีน้องอยู่เคียง ฯ

คำโตงโตย : “ฮ้อนกว่าไฟ ใสกว่าแก้ว แล้วก่อนทำ”

ฮ้อนกว่าไฟ ได้แก่ใจ ปกติของใจ นึกจะ ทำอะไรก็อยากจะทำเร็ว ๆ อยากจะให้เสร็จ เร็ว ๆ ที่ว่าไฟฮ้อนก็ไม่ฮ้อนเท่าใจ เพราะไฟ ธรรมที่ว่าร้อน ก็เผาได้แต่เฉพาะกาย ไม่เผาใจ ได้ ส่วนไฟคือใจร้อนนี้ มันเผาทั้งร่างกายและ จิตใจ เมื่อใจร้อนแล้วกายวาจาก็พลอยร้อนไป ด้วย

ข้ า คื อ ค น

๐ หนึ่งชาติพันธุ์วรรณาได้ปรากฏ ชีวิตเลี้ยวเคี้ยวคดเกินกฎสร้าง วันปู่ย่าตายายออกเดินทาง ไม่ตายดับจึงถากถางสร้างตำนาน...

กลอนบทละคร (๑๕-๑๖)

บทพากย์ นางลอย ยุคอยุธยา เทียบกับพระราชนิพนธ์ ร.2 ขนบการประพันธ์ของไทยโบราณ ผู้ประพันธ์จะถ่อมตน บางเรื่องไม่แถลงนามผู้ประพันธ์ หลายเรื่องที่ลงท้ายเชิญให้ผู้ที่มีความสามารถสูงกว่าช่วยแก้ไขปรับปรุงให้ด้วย

คำผญา พระไม้: หม่ำ

“เนื้อดีๆ ซอยถี่ๆ ฟักแหลกๆ คั้นแล้ว แดกใส่บั้ง เคียนข้อต่อกัน” ฯ เนื้อดี แข่นอั้นตั้น คั้นใส่หัวผักเทียม ซอยเทิงตับ ใส่นำพอด้าม เอาเทิงม้าม ลงนำจักสะหน่อย คั้นให้มุ่นอ้อยป้อย อุ้ยตุ้ยใส่กัน ของสำคัญว่านั้น แม่นข้าวคั่วลงผสม คั้นจนสมพอควร จนว่าสีหอมกุ้ม แล้วจั่งหยุมลงไส้ อัดดียัดแก่น พู้นเด้อ...อ่านต่อ

คนเดินป่า (จบชุด – มนุษย์ : ฝูงสัตว์ทดลองของพระเจ้า)

ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ฝูงมนุษยชาติก็ยังหลงใหลมะงุมมะงาหรา เดินไปในป่าโลภจริตโดยมีลัทธิเศรษฐกิจกำหนด ป่าเหือดดงแห้งแล้งคุณธรรม อันมีแต่ฝูงสัตว์เศรษฐกิจสัตว์อำมหิตขบกัดมาตลอด ชีวิตมืดบอดไร้แสงแห่งพุทธปัญญา อยู่ในป่าดงกิเลสตัณหาไร้หนทางสู่ความสว่างในชีวิต

ตามรอยพลพรรคเสรีไทย ที่บ้านนาผาง อ.ภูพาน จ.สกลนคร

ยายชีแก้ว ซีด้าม เล่าเรื่องขุนพลภูพาน ว่า... พ่อแม่ท่านไปพบรักกันที่บ้านนาหว้า-นาคอย ท่านเกิดมาได้ 4 ขวบ พ่อแม่ก็ย้ายกลับมาที่บ้านผางาม ครั้งกระโน้นอยู่กันในป่าในดอน 3-4 ครอบครัว ทำนา 2-3 ไร่ หากินกลอยกินมัน พลพรรคครูเตียงมีเป็นกองร้อยกองพัน มีอาวุธ กระจายกำลังกันอยู่ตามตีนภู มาอยู่กันไม่ถึงเดือน ย้ายไปย้ายมา ยายชีแก้วเคยหาบผักหาบเหล้าไปขายให้ ครูเตียงเคยขี่ม้าเข้ามาในหมู่บ้านมาคนเดียว ชอบเหล้าไห เหล้าขี้แกลบ
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com