By

เสรี พพ

บทเรียนจักรวรรดิโรมัน (๔/จบชุด)

จักรพรรดิโรมันในยุคสุดท้าย ในศตวรรษที่ 5 นั้นไปพำนักที่เมืองราเวนนา ทางเหนือของอิตาลีปัจจุบัน ขณะที่ชนเผ่า Goth ที่ถูกโรมันรุกไล่จนไม่มีที่อาศัย ได้รวมพลกลับมาบุกอิตาลี ลงไปถึงโรม แต่ไม่ได้บุกเข้ายึดแม้ว่าจะทำได้

บทเรียนจักรวรรดิโรมัน (๓)

การรบที่ Alesia ตะวันออกเฉียงเหนือ “ฝรั่งเศส” แถบ “บูร์กุนดี” ในปัจจุบัน เป็นการรบครั้งใหญ่สุดและสำคัญ ที่ซีซาร์สามารถปราบชนเผ่าเยอรมานิกที่นำโดย Vercingetorix ที่รวมพลสู้กองทัพโรมัน ซีซาร์ล้อมเมืองไว้ สร้างกำแพงไม้ล้อมรอบ ไม่ให้ใครเข้าออกจนชาวเมืองหิวโหยและหมดกำลัง

บทเรียนจักรวรรดิโรมัน (๒)

ในปี 133 ก่อน ค.ศ. ชาวโรมันตระกูลสูงชื่อ กรักคุส (Tiberius Gracchus) ที่เคยไปรบที่คาร์เทจได้รับเลือกเป็น “ผู้แทน” (tribune) ของประชาชน เขาได้เสนอกฎหมายปฏิรูปที่ดิน โดยคืนที่ดินที่ถูกคนรวยและขุนศึกศักดินายึดไปให้ประชาชน นับเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าคิดกล้าทำมาก่อน แต่เมื่อกฎหมายผ่าน “สภาประชาชน” และวุฒิสภาไม่อาจคัดค้านได้ เขาได้กลายเป็น “ฮีโร่” ของประชาชน

ยิ่งใหญ่เพียงใดก็มีวันล่มสลาย # บทเรียนจักรวรรดิโรมัน (๑)

หนึ่งพันปีที่จักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่ได้ครองพื้นที่ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แบ่งคราว ๆ ว่าครึ่งแรกประมาณ 500 กว่าปีก่อน ค.ศ. เป็น “สาธารณรัฐ” (republic) ครึ่งหลัง 500 กว่าปี จาก 1 ศตวรรษก่อน ค.ศ. จนถึงศตวรรษที่ 5 เป็น “จักรวรรดิ” (empire)

ทำไมคนต้องมีรากเหง้า

ทำไมการพบ 215 ร่างเด็กใต้บริเวณโรงเรียนประจำทางตะวันตกของแคนาดาจึงเป็นเรื่องใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรีทรูโดบอกว่า “เป็นข่าวเศร้าที่ทำให้หัวใจสลาย เป็นประวัติศาสตร์ที่มืดมิดของแคนาดา”

ปรากฏการณ์ลุงพล (๒)

กรณีลุงพลเป็นวัฒนธรรมชาวบ้าน “เก่าแต่ใหม่” เพราะเดิมทีแต่ไหนแต่ไรก็มีวัฒนธรรมเช่นนี้ในสังคม เกิด “กระแส” ไม่ว่าข่าวลือข่าวจริงที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว บางกระแสทำให้เกิดผู้ดีผู้ร้าย เกิด “ฮีโร่” เกิด “ไอดอล” หรือเกิด “ฆาตรกร” ที่สังคมด่วนตัดสินเป็นศาลเตี้ยเสียเอง กรณีลุงพลเป็นทั้งสองอย่าง

ปรากฏการณ์ลุงพล (๑)

นับเป็น “วัฒนธรรมชาวบ้าน” (popular culture) “เก่าแต่ใหม่” ที่น่าสนใจ น่าทำความเข้าใจ น่าให้บทเรียน จากชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทำงานรับจ้างทั่วไป บ้านเก่ายังไม่มีฝา หลังคามุงสังกะสี วันดีคืนดี กรณี “น้องชมพู่” ทำให้ลุงพลป้าแต๋นกลายเป็นคนเด่นคนดังประหนึ่งดารา มีรายได้มากมายไม่น่าเชื่อ

วรรณกรรมกับอารยธรรมโลก (๔)

โรแมนติกนิยม (Romanticism) ไม่เป็นเพียงประวัติศาสตร์ หรือวรรณกรรม แต่เป็นปรัชญา เป็นวิธีคิด ท่าทีต่อชีวิต โลกทัศน์ ชีวทัศน์ ให้ความสำคัญกับจินตนาการ ทำให้ “มองอดีต เห็นปัจจุบัน ฝันถึงอนาคต”

วรรณกรรมกับอารยธรรมโลก (๒)

ทำไมเรื่องมหากาพย์คลาสสิกจึงเป็นบทกวี และยังมีการประพันธ์เป็นบทกวีเรื่อยมา ที่สำคัญ ทำไมอำนาจการเมืองจึงสัมพันธ์กับการเขียนกวี เผด็จการตั้งแต่นีโร จักรพรรดิโรมันมาจนถึงมุสโสลินีของอิตาลี และสตาลินของรัสเซียจึงชอบเขียนบทกวี

วรรณกรรมสร้างอารยธรรมเปลี่ยนโลก (๑)

การถ่ายทอดสืบทอดเรื่องราวในอดีตมีทั้งด้วยการบอกเล่า หรือมุขปาฐะ มีทั้งผ่านวัตถุสิ่งของ เครื่องมือทำมาหากิน หัตถกรรม ปัจจัยสี่ ภาพเขียน จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปกรรม

อาหรับยิวรบกันสามพันปี (2) ร้อยปีที่รบหนัก

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) อังกฤษได้ขอให้ขบวนการไซโอนิสต์ของยิวช่วยรบเพื่อจัดการกับจักรวรรดิ์ออตโตมาน โดยสัญญาว่าเสร็จสงครามจะหาบ้านเมืองให้อยู่ถาวรในถิ่นที่ของปาเลสไตน์

อาหรับยิวรบกันสามพันปี (1)

เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์สู้รบระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราแอลวันนี้ คงต้องย้อนไปถึงสามพันกว่าปีที่ความขัดแย้งเริ่มต้น และสู้กันเรื่อยมา ขอแบ่งประวัติศาสตร์ตามเวลาดังนี้ ช่วงที่หนึ่ง สามพันปีที่แล้วจนถึงศตวรรษที่ 1 จาก “อาบราฮัม” ถึง “พระเยซู” ช่วงที่สอง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 ที่ยิวอพยพย้ายถิ่นไปทั่วโลก ช่วงที่สาม ตั้งแต่เริ่มก่อเกิดรัฐอิสราแอลเมื่อร้อยปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน

นโปเลียน & รุสโซ บทเรียนการปฏิวัติและประชาธิปไตยฝรั่งเศส

วันนี้ เสาร์ 8 พฤษภาคม 2021 ผมจะไลฟ์เฟส และเปิดซูม เพื่อพูดคุยเรื่องนโปเลียน โอกาส 200 ปีมรณกรรมของนักรบผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ (5 May 1821) โดยเชื่อมโยงกับรุสโซ นักปรัชญาคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการปฏิวัติฝรั่งเศสและต่อนโปเลียนเองด้วย

มองไทยด้วยวิภาษวิธี

แนวคิดของเฮเกลช่วยให้มองประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์ไทยด้วยแนวคิดวิภาษวิธีได้ แนวคิดของเขามีพลัง มีอิทธิพลต่อนักคิดนักปรัชญาต่อมาอย่างมาก เพราะเขามองทุกอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลง และอธิบายการเปลี่ยน แปลงอย่างเป็นเหตุเป็นผล
WP2Social Auto Publish Powered By : XYZScripts.com