กาพย์ไขผญา: เงิน-ทอง
๏ ใจหนอใจมนุษย์ จะสูงสุดเมื่อมีธรรม พื้นเดิมอาจมืดดำ โดยสันดานอันดิบดาย ธรรมดาก็ดูดี ไม่เห็นมีที่อันตราย มีญาติมีมิตรสหาย เกิดเจ็บตายเสมอกัน ถึงคราวร่วมทุนค้า หากำไรมาแบ่งปัน...อ่านต่อ
คำผญา คืออะไร?
คำผญา ไม่ใช่ถ้อยคำที่ถูกกล่าวหรือถูกเขียนขึ้นอย่างลอย ๆ แต่คำผญาเกิดจากการสั่งสมอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดท่ามกลางความสุขารมณ์ ความแร้นแค้น เป็นเรื่องเป็นราว เป็นบทเรียนของคนที่เจนจัดมาจากการดำเนินชีวิตที่ยาวนาน จนสามารถสรุปบทเรียนและแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
คำผญา : ความจน
ขึ้นชื่อว่าทุกข์จน หนอผู้คนย่อมชิงชัง รังเกียจดุจสังคัง ในสังคมชมคนมี คนทุกข์แทบซุกหน้า ใต้ผืนหล้าหลบหลีกหนี ใครใครไม่ว่าดี แม้น้องพี่พากันเมิน ต่อเมื่อเราหมั่นเพียร ฐานะเปลี่ยนเป็นนายเงิน มวลมิตรมากชิดเชิญ สุขเหลือเกินเพลินอุรา ใครใครใคร่ต้อนรับ นับพี่นับน้องญาติกา...
(กลอนไขผญา) ลิง
“ลิงต่อลิงชิงกันขึ้นไม้ บัดสิได้ แม่นบักโกกนาโถ”
ต่อหน้าจิตกาธาน
ร่างของทนง โคตรชมภู กำลังถูกเผาไหม้
ภายในโครงครอบหนาทึบ ส่วนบนเป็นโลงบรรจุศพ ส่วนล่างอัดแน่นด้วยถ่านชุ่มน้ำมัน มีช่องเร่งไฟและปล่องควัน ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมพันคนมาชุมนุมร่วมส่งสะการ
มาเพื่อเรียน”วิชามนุษย์ที่ชื่อทนง โคตรชมภู”
คำสอนโลกคดีธรรม ภาษาลาว
ช่วงนี้กำลังค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือภาษาลาว ได้พบ “คำสอนโลกคะดีทำ” ในหนังสือ “คำพี อานาจักและทัมมะจัก แห่งทัมมะสาด กดหมายบูรานลาว” ของท่าน สำลิด บัวสีสะหวัด น่าเสียดายที่ท่านสำลิดไม่ได้บอกแหล่งที่มาของเรื่องนี้ และไม่มีอธิบายข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไว้เลย ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นธรรมสอนใจดีมาก ใช้ได้ทั้งใน “วันวาน” และ “วันหน้า”
บทกวี ใ น ห้ ว ง ห า ว
เลือกมุมสูงมุ่งใจปีนป่ายฝัน โรงแรมชั้นสูงสุดคือจุดหมาย
แดดระยิบลิบฟ้าสาธยาย ตึกอาคารเรียงรายสายตะวัน
ดํ่าเจดีย์สีแดดอิฐแสดสด ปรางค์ปรากฏเป็นกลุ่มอีกมุมฝัน
ตึกโอ่โถงอีกแถบอิงแอบกัน สารพันทันสมัยอยู่ใกล้ชิด
บทกวี น ก เ ส รี สี รุ้ ง
นกเสรีสีรุ้ง
บินลัดทุ่งโศกธารสู่พลาญฝัน
ชื่นริ้วทองศรัทธาจากตาวัน
ขณะดอกไม้ปันหวานละออง
กาพย์ไขผญา ปากท้องของเต่า-แลน
ผญา: “เต่าหากินกุ้มปากเต่า แลนหากินกุ้มปากแลน” กาพย์: ตัวเต่าเดินหลังตุง กระดืบไต่ไปตามดิน ต้วมเตี้ยมให้ติฉิน ว่าหากินไม่ทันการ สัตว์อื่นสิตัดหน้า เต่าเชื่องช้าน่าสงสาร ที่แท้แม้เต่าคลาน ก็หาเคี้ยวคุ้มปากตน...
จ้วงเป็นบรรพบุรุษไทยหรือไม่?
จ้วงกับไท แยกกันอยู่ ตั้งแต่ยุคราชวงศ์โจว (ก่อนขงจื๊อ) แล้ว จีนเรียกดินแดนที่จ้วงอยู่ว่า ซีโอว กับ ลั่วเยวี่ย สองชื่อ เรียกดินแดนที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ลงมาของลั่วเยวี่ยว่า เยวี่ยชาง
โคลงลาว : มนต์มาลาหอม
เป็นที่ทราบชัดเจนมานานแล้วว่า คำประพันธ์ประเภทโคลงของลุ่มเจ้าพระยานั้นได้รับอิทธิพลต้นแบบมาจากล้านนาและล้านช้าง โดยเฉพาะล้านช้างนั้น มีโคลงภาษิตเก่าแก่ซุกซ่อนอยู่นมนาน เพื่อสอนสั่งเตือนสติลูกหลาน บัดนี้ขอขุดค้นมาเผยแผ่แก่หลานเหลนลูกเพื่อปลูกผญาอันไร้กาลเวลาและพรมแดน
ผญา ปรัชญากวี : สัตว์ใหญ่
๐ ช้างสารในไพรสัณฑ์ ได้พฤกษ์พันธุ์กำบังภัย เดินดั้นในดงใด โดยสวัสดิ์พิพัฒน์พร อยู่กินในถิ่นเถื่อน หลายปีเดือนไม่เคลื่อนคลอน จนแก่ใกล้ม้วยมรณ์ จึงเดือดร้อนด้วยโรคภัย ควานคว้าหาเทือกเถา คล้ายคนเรายามป่วยไข้ ยึดเอาเผ่าพงศ์ไว้ หวังอาศัยฝากชีวิน...
บทกวี “อีสาน”
ที่ไหลลึกทั้งหมดในตัวผม คือ “อีสาน”
คือภาพวาดของศิลปินที่ยากจนและเก็บตัว
เขาชอบสีน้ำตาล สีเขียวและฟ้าอ่อน
เขาลากพู่กันเป็นสีเขียวสี่มุม
ดับแดนเกิด
ฝูงเขาสูญเสียความจริงใจให้กับความฉลาดจอมปลอม เขารู้มากขึ้น เอาเปรียบกันมากขึ้น ข่มขืน ชำเราโลกด้วยระบบวิทยาศาสตร์ ความฉลาดดิบ ๆ โลกร้อนเกินไป ไม่มีก้อนน้ำแข็งพอในหม้อน้ำร้อนขนาดใหญ่. เราย่นเวลาในบทสุดท้ายของมนุษยชาติเร็วเกินไปด้วยวัตถุเหลือคณานับ ดับแดน เกิดอันเป็นธรรมชาตินิรันดร เป็นตอนอวสานในฝูงสัตว์ทดลองของพระเจ้า.
ลานข่วงกวี : ผ้าไหมหนองปลาหมอ, บ้านเกิดเมืองนอน
สองมือพือพ่างอ้าง
ทางต่ำตามศิลป์
อวดองค์ลงลายมัด
หมี่ไหมมวลล้วน
ดีคนด้าม
งามหลายคนละต่ง
จินตนาการเลิกล้ำ
เห็นแล้วเล่าสะออน