รำลึกชาตกาล ๑๑๒ ปี เจ้าสุพานุวง [๑๓ กรกฎาคม ๒๔๕๒ – ๙ มกราคม ๒๕๓๘]
"เว้าแล้วต้องเฮ็ด
เฮ็ดให้สุดขุดให้ถึง
ผิดหือถืกจั๋งว่ากัน
สิ่งใดดีส่งเสริมมันขึ้น
วิ บั ติ
คนเอ๋ยแถนเอ๋ยเป็นพยาน
บ้านเมืองแหลกลาญฉิบหายแล้ว
โรคห่าอาละวาดทุกย่านแนว
ขบวนแถวราษฎรกร่อนทลาย
แ ม่ มู ล ย า ต ร า
บนหน้าผา ณ สำนักสงฆ์ภูกิ่งฟ้า ถ่ายภาพ 6 ภาพไว้หลายปีแล้ว เพิ่งนำมาต่อกันเป็นภาพเดียว 180 องศา
ทวยราษฎร์ต้องอาจอง
ที่ราบสูงดินแดนแคว้นอารยะ มีธรรมนูญชีวิตลิขิตไว้
แม่น้ำซีมูลโขงเชื่อมโยงใย สรรพสิ่งสืบสานโบราณมา
ก ลั บ บ้ า น เ ฮ า
ขอผายมือต้อนรับกลับหมู่บ้าน ทุกทุกท่านขบวนแถวจากแนวหน้า
กลับมาเถิดบาดแผลเพียงกายา มีหัวใจแกร่งกล้ามุ่งฝ่าฟัน
วาระแห่งหมู่บ้าน
ประเทศไทยมีวาระแห่งชาติ วาระที่คนจำนวนเพียงหยิบมือจากศูนย์กลางอำนาจวางกำหนดกฎเกณฑ์ โดยใช้มุมมองของผู้ได้เปรียบ
เต็มด้วยผลประโยชน์ อคติ และไร้ข้อเท็จจริงเป็นฐานและกรอบคิด
สื่อสารกันคลาดเคลื่อน
บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ทำหนังสือถึงเจ้ากระทรวงที่ทรงอำนาจ ขออนุเคราะห์จัดสรรวัคซีนให้พนักงานและครอบครัว ในขอบเขตทั่วประเทศรวมจำนวนกว่า 70,000 คน บริษัทนี้มีกิจกรรมเอกอันหนึ่ง ได้แก่ตระเวนสอนให้ชาวบ้านรู้จักเศรษฐกิจและใช้ชีวิตพอเพียง
กรุงเทพฯแตกเมืองแล้ว
ปิดกรุงเทพฯเคอร์ฟิวประเทศไทย โรคห่าระบาดใหญ่ปีหกสาม
โลกมนุษย์โควิดขวิดลุกลาม ศึกหนักกว่าสงครามมหันตภัย
“๒๔ มิถุนา ๒๔๗๕” ต้นธารประชาธิปไตย
ความหอมหวนของแนวคิดรักชาติ รักประชาธิปไตย ปรารถนาให้บ้านเมืองเจริญทัดเทียมอารยประเทศ แวดล้อมจิตใจคนหนุ่มสาวยุคนั้นให้กระชับมั่นเป็นกลุ่มพวกเดียวกัน ไม่มีสถาบัน ไม่มีรุ่น ไม่มียศชั้น ไม่มีไพร่ผู้ดี มีแต่อนาคตอันสดใสอันเกิดแต่แสงสว่างแห่งรัฐธรรมนูญที่ฉายให้เห็นเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ
สาส์นจาก “ทางอีศาน” – ติดอาวุธทางปัญญา
ตั้งแต่โควิดสิบเก้าเริ่มระบาด องค์กรสายส่งปิดกิจการ ร้านค้าก็ทยอยหยุดธุรกรรม นิตยสารรายเดือน “ทางอีศาน” จึงต้องระงับการขายตามร้านค้าปลีก จัดพิมพ์เฉพาะสมาชิกและคำสั่งซื้อตรงจากแฟน ๆ ทั่วประเทศตั้งแต่ ฉบับ ๙๖ เดือนเมษายน ๒๕๖๒ และได้ลดจำนวนหน้าลงจาก ๑๖๐ หน้า เหลือ ๑๒๘ หน้า หน้าสี่สีที่มี ๔๘ หน้าก็ปรับเป็นขาวดำทั้งหมด
กำลังใจให้นักสู้คนรากหญ้า
มอบนิตยสารทางอีศาน และหนังสือในเครือบริษัทชนนิยม ให้ห้องสมุดวิทยาลัยเทคโนโลยียางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
ชีวิตคนนา
ชีวิตคนนา
เริ่มด้วยจ้างควายเหล็กมาไถ-คาดและมอบ
ในอัตราไร่ละ 600 บาท
ฟ้ า ง า ม
....ฟ้าหมู่บ้านงดงามสีครามไสว
....ฤดูกาลบันดาลใจให้ใฝ่ฝัน
....พลังรากหญ้าดั่งของขวัญกำนัล
....อิ่มอุ่นสุขมีแบ่งปันนั้นมือเรา
อารยธรรม “เมืองเพีย” บ้านเมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
อารยธรรม "เมืองเพีย" บ้านเมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น "เมืองเพีย" บ้านเกิดแม่ผม - แม่คำผาง (ชำนาญไพร) ข้าวบ่อ
ทฤษฎี “ผีบ้า”
ชีวิตในหมู่บ้านหนึ่งก็เหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีดีใจโศกเศร้า มีเคียดแค้นให้อภัย มีสันติสงคราม มีบาดหมางสามัคคี ตัวละครประกอบด้วย พระเอกผู้ร้าย นางเอกนางรอง ผู้ทรงศีลมหาโจร คนเข้าวัดเข้าบ่อน คนหมั่นเพียรเกียจคร้าน ฯลฯ และก็มีผีบ้า