วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม กับโครงการพัฒนาดนตรี-รำฟ้อน ให้แก่เยาวชน โดย “หมาเก้าหาง” – “มูลนิธิทางอีศาน” [ ๒ ]
ท่านได้พัฒนาวัดและพัฒนาคนไปพร้อม ๆ กัน ถึงพื้นที่แห่งนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ และทัศนคติที่อาจจะเห็นต่างกันบ้าง แต่ท่านก็ได้ใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนากับศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านมาเป็นตัวสื่อกลางเชื่อมความหลากหลายทางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์
พ่อครูทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ ศิลปินเกียรติยศ โหวดเสียงทองเทวดา
พ่อครูเล่าที่มาของโหวดว่าแต่เดิมเป็นของเล่นของเด็กเลี้ยงควาย ยังไม่ถูกเรียกเป็นเครื่องดนตรี ใช้เล่นในช่วงปลายฤดูฝนก่อนเกี่ยวข้าว เป่าเล่นเพื่อความสนุกขณะที่เลี้ยงควายตามทุ่งนา และใช้แกว่งหรือเหวี่ยงเพื่อฟังเสียง ด้วยการต่อหางโหวดให้ยาวแล้วใช้เชือกคล้องหัวกับหางโหวด แกว่งให้หวดรอบศีรษะด้วยความเร็วสูงจะเกิดเสียงดังว่า “แงว ๆ” ฟังแล้วเกิดเสียงไพเราะ เรียกการแกว่งโหวดชนิดนี้ว่า “การแงวโหวด” ลักษณะของโหวดสมัยโบราณยังไม่มีความสวยงาม
ชาวเมืองฟ้าแดดสงยางเมื่อ 1200 ปีที่ผ่านมา สื่อสารด้วยภาษามอญโบราณ
ชาวเมืองฟ้าแดดสงยางเมื่อ 1200 ปีที่ผ่านมา (พุทธศตวรรษที่ ๑๔) สื่อสารด้วย ภาษามอญโบราณ ใช้อักษรหลังปัลลวะ
จากหลักฐานจารึก พระพิมพ์เมืองฟ้าแดดสงยาง
จิตร ภูมิศักดิ์ : เพลงลาวแพน
เพลงลาวแพนนั้น เป็นเสมือนสำรวมใหญ่ของเพลงลาวพื้นเมือง กล่าวคือมีเพลงลาวพื้นบ้านตามชนบทรวมอยู่ในเพลงใหญ่นั้นหลายเพลง ทุกเพลงที่นำมารวมกันเข้าไว้นั้นต่างมีกลิ่นไอของชีวิตแบบลาวอยู่อย่างสมบูรณ์ คือมีลักษณะทำนองที่ส่อให้เห็นความรักในธรรมชาติเจือระคนอยู่ด้วย ถ้าจะพูดเป็นศัพท์ก็ต้องว่ามีลักษณะแห่งชนชาติ บรรจุอยู่อย่างเด่นชัดบริบูรณ์
รักนั้นเป็นฉันใด
๑๔ กุมภาฯ วันวาเลนไทน์-วันแห่งความรักทางโหราศาสตร์เรียกเดือนนี้ว่า ราศีกุมภ์ เป็นธาตุลม อันหมายถึงการเคลื่อนไหวไหลลื่นที่ไม่ปรากฏตัวตน ลมหรืออากาศที่ไม่อาจมองเห็นได้ มีสัญลักษณ์เป็นรูปผู้ชายถือหม้อน้ำ ซึ่งดูแล้วไม่เห็นจะเกี่ยวกับความรักตรงไหน แต่เพราะมีเหตุการณ์ที่มีการแสดงออกถึงการยึดถือความรักเป็นสรณะ เดือนนี้เลยกลายเป็นเดือนแห่งความรัก
วัฒนธรรมแถน (๖) พิธีส่งแถน
“ส่ง” คือการทำพิธีสังเวย เพื่อส่งเครื่องบริโภคเครื่องบูชาไปถึงผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติ เมื่อคนหรือบ้านเมืองประสบเคราะห์กรรม ซึ่งไม่อาจจะรักษาหรือแก้ไขได้ตามปกติ เชื่อกันว่าผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติเป็นผู้ทำให้เกิดเคราะห์กรรมนั้น จึงส่งเครื่องสังเวยบูชาไปให้เพื่อขอความเมตตาช่วยให้คนหายจากการเจ็บป่วย พ้นจากความทุกข์ ช่วยให้บ้านเมืองพ้นจากภัยพิบัติต่าง ๆ
วัฒนธรรมแถน (๕) ปู่แถน ย่าแถน
นิทานที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นนิทานที่คนเฒ่าคนแก่เล่ากันมาจนถึงปัจจุบันนี้ มันก็มีว่าคนภาคเหนือหรือคนล้านนาเรานี้เขาว่า การที่คนเรานั้นทำอะไรไม่สำเร็จหรือว่าเกิดป่วยเป็นนั่น ๆ นี่ ๆ ทำอะไรก็ล้มเหลวนั้นเขาว่าเกิดจากการที่ปู่
แถนย่าแถนนั้นแช่งให้เป็น บางครั้งก็มีการส่งแถนหรือว่าทำเครื่องพลีกรรมส่งให้แถนเพื่อให้เคราะห์ภัยต่าง ๆ นั้นหายไป...
อีศานปุระ
อีศาน (สันสกฤต), อีสาน (บาลี) แปลว่า ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
อีศาน, อีสาน แปลว่า พระศิวะ หรือพระรุทร
อีศาน, อีสาน แปลว่า พระอีศาน-เทพเจ้าผู้ครองทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
อีศาน, อีสาน เคยเป็นชื่อแคว้นโบราณแคว้นหนึ่งในสุวรรณภูมิ ชื่อเต็มว่า อีศานปุระ
มรรควิธีวิทยา Methodology (1)
ปรัชญาเป็นวิทยาศาสตร์แห่งโลกทัศน์ ในขณะเดียวกัน ปรัชญาก็เป็นวิทยาศาสตร์แห่งมรรควิธีวิทยา โลกทัศน์กับมรรควิธีวิทยาพูดให้ถึงที่สุดแล้วคือสิ่งเดียวกัน เมื่อเราใช้โลกทัศน์ไปรับรู้และดัดแปลงโลก ไปค้นคว้าปัญหา ไปแสดงทัศนะ ไปชี้นำการงาน มันก็คือมรรควิธี มรรควิธีมาจากโลกทัศน์
ฮีตเดือนสิบสอง พระชาวเมืองปาฐาลุยโคลน
คำว่า กฐิน แปลว่า ไม้ขึง หรือไม้สะดึง คือกรอบไม้สำหรับขึงผ้าเพื่อเย็บจีวรของพระภิกษุให้สะดวกขึ้น เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีเครื่องมือที่จะใช้เย็บได้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน การเย็บจีวรนั้นต้องเย็บผ้าหลาย ๆ ชิ้นติดต่อกัน ให้มีรูปแบบเหมือนคันนา
เงินตราโบราณ ในอีสานบ้านเฮา (ตอนที่ ๓)
ตรางู หรือ พญานาคนี้ ผู้รู้บางท่านก็บอกว่าคือตัว “พ” ซึ่งจะเป็นเท็จหรือจริงประการใดมาคอยติดตามกันครับ สัญลักษณ์นี้ผมมีความเห็นว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธุ์ได้ เพราะจากที่ผมได้ศึกษาพบว่าสัญลักษณ์นี้พบในเงินพดด้วง (เงินหมากค้อที่ชาวอีสานเรียกกัน) ที่ขุดพบที่เมืองศรีสัชนาลัยจังหวัดสุโขทัย ซึ่งน่าจะเป็นเงินพดด้วงยุคแรก ๆ ของอาณาจักรสุโขทัย
ผีบ้าตาวอด : ผีน่ากลัวในฤดูดอกทองกวาวบาน
ผีนั้นเรียกกันว่า ผีบ้าตาวอด “ผีบ้าตาวอด เป็นครึ่งคนครึ่งผีหรืออมนุษย์จำพวกยักษ์ อวัยวะส่วนที่เป็นตาของมันนั้นดูเหมือนตาบอด แต่มันไม่บอด ในความเป็นจริงแล้วสามารถมองเห็นได้ดี เพียงแต่มันไม่มีแววตาอันเป็นคุณสมบัติของอมนุษย์จำพวก
ยักษ์
ดอกจาน [Palasha] ‘เล็บแดงแห่งกามเทพ’…มิ่งไม้มหามงคล
สีแดงเริงร่าแห่งดอกจานยามบานตระการมีพลังร้อนแรงจนฝรั่งตั้งฉายาว่า “เปลวไฟในพนา” - frame of the forest แต่ชาวภารตะเปรียบเปรยได้งดงามไพเราะกว่าว่า ดอกจานคือ “กามเทวนะขา – เล็บ (แดง) แห่งกามเทพ” เจาะดวงใจผู้มีรัก...
พระอุปคุตปราบมาร
พระอุปคุต เป็นนามพระเถระที่มีบทบาทสำคัญ ในคติความเชื่อของคนในลุ่มแม่น้ำโขงพบว่า ในพิธีกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาวอีสาน เช่น งานบุญผะเหวด งานบวช งานกฐิน นิยมสร้างหอพระอุปคุตและทำพิธีนิมนต์ท่านมาร่วมในงานพิธี ด้วยคติความเชื่อที่ว่าท่านมีฤทธิ์มาก สามารถปราบมารไม่ให้มาก่อกวนในงานพิธีได้
[๑๐] ถํ้าเป็ดทอง และจารึกปฏิวัติ
ถํ้าเป็ดทอง อยู่ในเส้นทางขันหมาก หากเราศึกษาในระดับตำนาน ก็จะได้เพียงเรื่องเล่าที่ดูเหมือนไม่มีมูลความเป็นจริง ที่ว่าเป็นสถานที่ที่พระปาจิตนำส่วนหนึ่งของขันหมากคือ เป็ดทองมาไกลถึงที่แห่งนี้ เพราะอยู่ในเขตลำนํ้ามาศเหมือนกันกับ ลำปลายมาศ และบ้านกงรถ แต่เมื่อได้เดินทางไปสำรวจ ศึกษาเอกสาร และสถานที่ในบริเวณนี้กลับกลายเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญด้านโบราณคดีในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเป็นที่ตั้งของร่องรอยประวัติศาสตร์และโบราณคดีของการตั้งถิ่นฐานก่อนสมัยนครวัด