“งันขอนผี” ผีสร้างคู่ ฟื้นประเพณี สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง
“แต่ก่อนงานศพไม่เหมือนปัจจุบัน ศพเราจะวางเอาไว้บนตะแค่ไม้หรือไม่ก็วางบนพื้นบ้านแต่ละหลังอยู่ห่างกันมาก ทำให้การเดินทางแต่ละครั้งนั้นก็จะเกิดความกลัว ไฟฟ้าก็ไม่มี มืดก็มืด มีเพียงตะเกียงเจ้าพายุนำทาง ดังนั้นพวกหนุ่มสาวแต่ก่อนจึงจะจับกลุ่มกันเดินทางไปบ้านงาน พอไปถึงบ้านงานบรรยากาศในงานก็น่ากลัวศพก็ไม่ได้อยู่ในโลงเพราะแต่ก่อนมันไม่มี มันจึงเกิดงันขอนผี และ งันเฮือนดีขึ้นมา”
ซ่างแต้มฮูป อีสาน ล้านนา สู่อารยธรรมสุวรรณภูมิ
ฉบับนี้ศิลปะนำชีวิตจะขอนำท่านผู้อ่านมารู้จักกับช่างวาดชาวอีสานย้ายถิ่นฐานไปอยู่ล้านนาไปตามหาความงามแห่งสุนทรียรสเลาะเลียบประเทศเพื่อนบ้าน เป็นซ่างแต้มฮูปตามภาษาอีสาน หรือภาษาทางนครหลวงเวียงจัน นครหลวงพระบาง หรืออีกหลายแขวง ภาษาก็คือ ๆ คล้าย ๆ อีสานบ้านเฮานี่แหละครับ
ปราชญ์แห่งอินแปงบอกว่า “เมืองไทยเป็นเมืองมั่งคั่งที่สุดในโลก”
“คำพูด คำด่าของเขา มันเป็นการหากินของเขา ไปถ่ายภาพก็ไปถ่ายเอาตรงที่แห้ง ไปถ่ายตรงที่มีคนยากจน แต่จริง ๆ แล้วอีสานคือเมืองสวรรค์ของประเทศไทย ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป น้ำไม่ท่วมเกินไป ซึ่งพอดี พองาม ภาคใต้น้ำท่วมเหนือก็หนาวมาก อีสานเราพอดี มีปัญหาแต่น้อยมาก แต่กลับถูกคนมาบอก อีสานแล้ง เราก็เลยเชื่อเขา แต่จริง ๆ ไม่ได้แล้ง มันแล้งตรงไหน”
ปมด้อย
ระบบการเมือง การปกครองและโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการศึกษาที่นักเรียนทุกคนต้องฟัง พูด อ่าน และเขียนด้วยภาษาไทย ทำให้ภาษาที่ยิ่งใหญ่อย่างภาษาลาวกลายเป็นภาษาระดับชาวบ้านเท่านั้น ไม่ใช่ภาษาในระดับราชการ แม้แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์จะมีภาษาของตนเอง ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ต้องอ่อนข้อให้แก่ภาษาไทย จนถึงขั้นอับอายที่จะพูดภาษาของตนเองในท่ามกลางสาธารณชนและกลายเป็นปมด้อยไปในที่สุด
ความยั่งยืนและเป็นธรรม ของการจัดการน้ำขนาดเล็ก
นานเหลือเกินกว่าคนในสังคมแห่งนี้จะคิดขึ้นมาได้บ้างว่า ที่เราสร้างบ้านแปงเมืองกันมาจนเจริญรุ่งเรืองได้ขนาดนี้ การทำนาอย่างเช่นในภาคอีสานนี้ก็ด้วยการทำนาน้ำฝน ด้วยชลประทานขนาดเล็กของชุมชน ทำขึ้นมาด้วยสมองและมือของชาวนาตัวเล็ก ๆ ถึงปัจจุบันก็ยังคิดเป็นร้อยละ ๙๕ ของพื้นที่
เกษตรอินทรีย์ ฟื้นชีวิตเกษตร กอบกู้โลก
นอกจากข้าวอินทรีย์ราคาสูงกว่าข้าวทั่วไป ๑๐-๑๕ % เกษตรกรยังได้ผลดีหลายด้าน หลังพ้นระยะปรับเปลี่ยน ๓ ปีไปแล้วดินจะฟื้นฟูสภาพ ผลผลิตสูงกว่าเดิมต้นทุนผลิตลดลง สิ่งแวดล้อมในนา กบ เขียด ปู ปลา ก็กลับคืนมา ค่าใช้จ่ายครัวเรือนลดลงสุขภาพคนทำเกษตรอินทรีย์ดีขึ้น ความเป็นครอบครัวก็กลับคืนมาด้วย
“สุรวิทยาคาร” คู่สุรินทร์
พลิกดูประวัติของชาวสุรินทร์ที่มีชื่อเสียง มีผลงานสร้างสรรค์ความดีงามไว้ให้สังคมไทยมากมาย ล้วนจบการศึกษาจากโรงเรียนสุรวิทยาคาร ร้อยกว่าปีที่ก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมา ผู้บริหารและคณาจารย์ร่วมกันพัฒนาการศึกษา อบรมนักเรียน สร้างทรัพยากรชั้นนำจำนวนมากให้แก่ประเทศไทย ล่าสุด (ธันวาคม ๒๕๕๕) โรงเรียนสุรวิทยาคาร จัดเป็นโรงเรียนที่ดีเด่นอันดับที่ ๗๑ ของประเทศไทย หมุดหมายสำคัญของโรงเรียนสุรวิทยาคารมีย่อ ๆ ดังนี้
บุญบั้งไฟ
อย่างไรก็ตาม ชาวอีสานส่วนหนึ่งยังเข้าใจว่าการจุดบั้งไฟมีเฉพาะในภาคอีสานและ สปป.ลาว เท่านั้น อันที่จริงประเพณีการจุดบั้งไฟขึ้นฟ้าเพื่อเรียกฝนนั้น มีในคนไทและคนตระกูลภาษาไทกะได กลุ่มอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไทโยน(ล้านนา) ไทลื้อ (ดูเรื่อง “จิบอกไฟ”), ไทใหญ่ในแม่ฮ่องสอน จุดบอกไฟในปอยเจดีย์ทราย เดือนมิถุนายน (กลุ่มอื่น ๆ มีในชนชาติผู้ญัย อำเภอซิ่งเหญิน มณฑลกุ้ยโจว-รอยต่อระหว่างกุ้ยโจว-ยูนนาน-กวางสี มีเทศกาล “จุดบอกไฟน้อย”) เป็นต้น
กราบอาจารย์มานิต วัลลิโภดม และอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม
ในการนำเรื่องราวแอ่งอารยธรรมสกลนครขึ้นปกนี้ ถือเป็นปฐมแห่งการเรียนรู้ผลงานทรงคุณค่าของอาจารย์ทั้งสองท่าน ผู้ร่วมรุ่นบุกเบิกและได้หักร้างถางพงงานด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ มนุษยวิทยา ฯลฯ มาด้วยชีวิต อาจารย์มานิต ท่านเป็นข้าราชการกองโบราณคดี กรมศิลปากร ในระดับปราชญ์ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีรุ่นแรก ๆ ของประเทศไทย
เขาบอกว่า “เสี้ยวจันทร์” เป็น “นักปั้นซีไรต์”
เสี้ยวจันทร์ : ความจริงใจ ความเชย ถ้างานเขียนเหมือนหนัง ปัญญา เรณู ที่ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ กำกับ หนังดีมาก ตลาด ๆ แต่อาร์ตนะ มันออกมาจากข้างใน ชอบตุ๊กกี๊ อยากให้ตุ๊กกี้เขียนบทกวี จะส่งประกวด/ ถาม : งานเขียนของคนอีสานนักเขียนอีสานมีอะไรที่น่าสนใจบ้างไหม/ เสี้ยวจันทร์ : ฟ้าบ่กั้น ลาว คำหอม ภูเขาใหญ่ ดอกอะไรก็ไม่รู้ สุรชัย จันธิมาธร/ ถาม : จุดอ่อนของงานเขียนของนักเขียนอีสานของเราคืออะไร/ เสี้ยวจันทร์ : ขาดความเป็นสากล ซึ่งความเป็นสากลนั้นต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบศิลป์มากมาย เหมือนตัดต้นไม้ทั้งป่า แต่ทำเก้าอี้ได้ตัวเดียว
คำผญา คืออะไร?
คำผญา ไม่ใช่ถ้อยคำที่ถูกกล่าวหรือถูกเขียนขึ้นอย่างลอย ๆ แต่คำผญาเกิดจากการสั่งสมอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดท่ามกลางความสุขารมณ์ ความแร้นแค้น เป็นเรื่องเป็นราว เป็นบทเรียนของคนที่เจนจัดมาจากการดำเนินชีวิตที่ยาวนาน จนสามารถสรุปบทเรียนและแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิตได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
มะอื่อสูง… สวัสดีปีใหม่ (๕)
คำว่า /มะอื่อสูง/ หรือที่เขียนกันในชั้นหลัง ว่า |ใหม่สูง| เป็นคำทักทายที่ชาวไทใหญ่ใช้เมื่อ พบปะกัน มีความหมายทำนองเดียวกับคำ “สวัสดี” ที่ใช้กันทั่วไปในภาษาไทยกลาง
|สวัสดี| เป็นคำยืมจากภาษาสันสกฤตว่า |savasati|
คำนี้มีที่ใช้ในภาษาเขมรด้วย ออกเสียงว่า /suasadey/
ในภาษาไทใหญ่ /มะอื่อ/ คือคำที่ออกเสียงได้ค่อนข้างยากสำหรับคนไทยทั่วไป
ฮีตเดือนสี่
คำว่า “ผะเหวด” เป็นชื่อของพระโคตมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แสดงถึงพระจริยวัตรเมื่อครั้งเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์เวสสันดร มีการจารเป็นหนังสือชาดกเรื่องยาวถึง ๑๓ ผูก มักจัดงานบุญผะเหวด หรือบุญมหาชาติหลังออกพรรษาแล้ว จะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้แล้วแต่สะดวก แต่ส่วนมากนิยมทำกันในเดือนสี่ เพราะเดือนนี้ว่างไม่มีประเพณีใด ปราชญ์อีสานจึงจัดไว้เดือนนี้ซึ่งเป็นฤดูแล้ง ชาวบ้านว่างจากการทำไร่ทำนา
ตอนเปิดผ้าม่านกั้ง แรกหลงฮอยอีสาน
ไทบ้านเฮาก็บ่มีอีหยังดอก อาศัยความเพียงจริงใจเท่านั้นแหละหล่า ขณะที่ปล่อยให้เปลือกมะรุมปลิวคว้างไปกับสายลมของฤดูแล้งที่พัดมาจากทิศใต้.. รสชาติทั้งฝาดทั้งขมจนขื่นอยู่ในคอ หากแต่เพียงชั่วประเดี๋ยว น้ำลายที่กลืนตามลงไปกลับทำให้เกิดเป็นรสหวานชุ่มคอดีแท้ จนอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่านี่อาจเป็นปริศนาธรรมที่ยายเคนบอกใบ้ไว้
ฮีต-คอง : อิ่มแล้ว…พาน้องไปเล่นวัด
อิ่มแล้ว...พาน้องไปเล่นวัด ประโยคนี้ให้สิ่งที่เป็นคุณค่าแก่คนอีสานมากกว่าอรรถหรือพยัญชนะ อิ่มแล้ว โดยอรรถหมายถึง อิ่มจากการรับประทานมื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่เย็นจริง ๆ คือ ข้าวไม่ร้อน เพราะยังไม่ถึงเวลาอุ่นข้าวเนื่องจากยังไม่เย็นมาก ... ยังไม่ถึงยามแลง-ยามงาย เป็นช่วงที่พ่อ-แม่ยังวุ่นอยู่กับงาน ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องหุงหาอาหาร เป็นการกินเพื่อรองท้อง มากกว่าจะกินเอาอิ่มเอาออกและสะท้อนให้เห็นว่า ภารกิจนำน้องไปวัดนั้นต้องใช้เวลา และใช้พลังงานมาก จึงต้องรองท้องให้มีแรงก่อน