Tao Dialogue 6 ต่อเต้าความ เรื่องสัญรูป|สัญอักษร “เต้าตี”
การสลักลวดลายสัญญะบนศิลปะวัตถุสำริด (Bronze vessels) สมัยปลายราชวงศ์ซาง ต่อเนื่องด้วยระยะต้นและระยะกลางของราชวงศ์โจวตะวันตก จัดว่าเป็น ‘ทวิสัญญะ’ ที่ทับซ้อนกัน คือมีทั้งส่วนที่เป็น ‘สัญรูป’ และ ‘สัญอักษร’ หรือนัยหนึ่งคือ ‘อักขระโบราณ’ แต่ดึกด้ำปางบรรพ์ ซึ่งจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครอ่านออกและให้ความหมายได้ชัดเจน
Tao Dialogue 5 บทสนทนาว่าด้วยเรื่อง ‘เต้า’ บทบาททางพิธีกรรม
‘เต้า’ ในฐานะภาชนะ บรรจุของเหลว เช่น น้ำ หรือเหล้า ฝรั่งคงนึกไม่ออกว่า ‘น้ำ’ มีความพิเศษเฉพาะอย่างไรในพิธีกรรม เมื่อมีการขุดพบศิลปะวัตถุโบราณ ที่บรรจุของเหลวได้ มักนิยามสิ่งนั้นว่า เป็น ‘wine container’
Tao Dialogue 4 บทสนทนาว่าด้วยคำ ‘เต้า’ จาก ‘เต้า’ จุดกำเนิด สู่ ‘เก๊ง~เคียง~เชียง’ ที่ตั้งมั่น
Tao Dialogue 4
บทสนทนาว่าด้วยคำ ‘เต้า’
จาก ‘เต้า’ จุดกำเนิด สู่ ‘เก๊ง~เคียง~เชียง’ ที่ตั้งมั่น
โดย ชายชื้น คำแดงยอดไตย
Tao Dialogue 3 บทวิจารณ์ มหากาพย์ชนชาติไท บรรพสอง
เมื่อศาสตราจารย์พิเศษชลธิรา สัตยาวัฒนา (อาจารย์ชล) เชื้อชวนผมให้เขียนถึงคำว่า ‘เต้า’ ใน ‘เต้า’ ตาม ไต ‘เต้า’ ทางไท อันเป็นบรรพสองของ “มหากาพย์ชนชาติไท” ทางหนึ่งจึงนับเป็นเกียรติยิ่งอีกครั้ง จากคราวก่อนที่ได้รับความเมตตาให้โอกาสเขียนถึงคำว่า ‘ด้ำ’ ผีบรรพชนผู้เฝ้าปกปักรักษาสายโคตรตระกูล ในมหากาพย์ฯ บรรพแรก: ‘ด้ำ’ แถน กำเนิดรัฐไท (ชลธิรา พ.ศ.๒๕๖๑)
Dam Dialogue 2 บทต่อเต้าความ “มหากาพย์ชนชาติไท”
ในงานเขียนเรื่อง ‘สาวรกรากต้นตอ คนไท ชุมชนไท-ลาว และความเป็นไท/ไต/ไทย/สยาม’ อันเป็นบรรพแรกของ “มหากาพย์ชนชาติไท” ศาสตราจารย์พิเศษชลธิรา สัตยาวัฒนา (อาจารย์ชล) ได้สืบสาวความหมายของ ‘ด้ำ’ ที่เชื่อมโยงถึงความเชื่อเก่าแก่หลากหลายนัยยะ เน้นย้ำถึงความสำคัญของคำว่า ‘ด้ำ’ อย่างเป็นพิเศษชนิด ‘ยวดยิ่ง’ ว่าคือ คำต้นเค้าต้นแบบอันเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ที่มีอิทธิพลอย่างลึกล้ำต่อการ ‘แรก’ สร้างชุมชนสร้างเมืองของพวกไท-กะได โดยเฉพาะสายไท-ลาว-สยาม
TAO Dialogue 1 เวทีสังสันทน์ ว่าด้วยเรื่อง “เต้า”
มหากาพย์ชนชาติไท บรรพสอง “เต้าตามไต เต้าทางไท” กำลังใกล้จะสำเร็จเป็นรูปเล่มเพื่อให้บริการทางวิชาการแก่สาธารณชน โดยผู้เขียนทั้งสองถือเป็น ‘วิทยาทาน’ แก่สังคม
TAO Dialogue 2 “เต้า” สนทนา จากประสบการณ์อ่านวรรณคดี บนฐานคิด ‘มานุษยวิทยาสัญนิยม’
บนฐานคิดที่ว่า ‘ภาษา’ มีชีวพันธุกรรมต้นกำเนิด มีการแตกตัว เคลื่อนไหว เดินทาง กระจายตัว แม้ถูกกลืนกลาย ก็ยังสาวหารากร่วมได้ โดยการใช้ ‘กุญแจคำ’ ไขรหัสสิ่งที่เป็น ‘วัฒนธรรมร่วมเชื้อสาย’
“มานุษยวิทยาพันธุศาสตร์” สืบรากเหง้าผู้คนในอุษาคเนย์ผ่านดีเอ็นเอมนุษย์โบราณ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ เป็นต้นมา ไม่เพียงแต่ช่วยให้มนุษย์รู้จักธรรมชาติจนสามารถเอาชนะธรรมชาติ นำไปสู่การพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของมนุษย์ ทว่าในอีกทางหนึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสืบค้น เสาะแสวงหา ตลอดจนรวบรวมความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ และสังคมที่มนุษย์อาศัยอยู่
สะบ้า เป็นได้มากกว่าของเล่น
ในวงสนทนาคํ่าคืนหนึ่ง เพื่อนที่มาด้วยกันจากในเมืองยื่นของสิ่งหนึ่งให้ดูแล้วถามว่า นี่ลูกอะไรเก็บมาจากพื้นดินเมื่อตอนเดินเที่ยวป่าตอนบ่าย ผมมองลูกกลมแบน สีนํ้าตาลอมแดง ขนาดกําได้ในฝ่ามือ แล้วตอบ อ๋อ เขาเรียกลูกสะบ้า ในป่าดิบชื้นนี่พบได้มาก แล้วรู้ไหมเมล็ดสะบ้านี่ เอาไปทําอะไรได้บ้าง
เสมา “พิมพาพิลาป”
ใบเสมาศิลปะทวารวดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖ แผ่นหนึ่งสลักภาพพุทธประวัติตอนพระพุทธองค์โปรดพระนางพิมพาที่ตําหนักของพระนาง หรือที่นิยมเรียกว่าพิมพาพิลาป นับได้ว่าเป็นหนึ่งในงานศิลปกรรมชิ้นเอกในอดีตกาลของแผ่นดินอีสาน โดยใบเสมาแผ่นนี้ค้นพบจากเมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น
อนาคตลูกไทย?
มูลนิธิทางอีศาน - โดยคณะดนตรีอีศานคลาสสิกคณะ"หมาเก้าหาง" ร่วมจัดค่ายต้นกล้ารักษ์ศิลปวัฒนธรรม"กลองยาว"ให้เยาวชน เป็นเวลา 5 วัน ด้วยความปรารถนาดีของข้ารัฐการผู้น้อยและผู้ปกครอง ที่ต้องการให้ลูกหลานมีโอกาสฝึกฝนทักษะด้านต่าง ๆ ในกรณีนี้ชุมชนจะได้มีคณะกลองยาวไว้ใช้ในงานประเพณี และการละเล่นรื่นเริง
รำลึก ๑๐๘ ปี อาจารย์สุภา ศิริมานนท์
# รำลึก ๑๐๘ ปี อาจารย์สุภา ศิริมานนท์ (๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๗ - ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๙) "ถ้าเราเอาระดับความรอบรู้ลุ่มลึกของนักวิจารณ์เท่าที่มีอยู่ในเมืองไทยมาประกอบการพิจารณา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คุณสุภาอาจจะเป็นนักวิจารณ์ที่มีหนังสือครอบครองมากที่สุดคนหนึ่ง และได้ 'อ่าน' หนังสือที่ท่านครอบครองนั้นอย่างจริงจัง
เมืองเพีย : แหล่งผลิตเกลือและโบราณคดี
การขุดค้นแหล่งโบราณคดีและเมืองโบราณจำนวนมากในภาคอีสาน เป็นหลักฐานยืนยันว่าภาคอีสานเป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก และสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าจะมีก็มีในพื้นที่แห่งกันดารแบบบทกวีอีศาน ของ “นายผี” บอกไว้ว่า “ในฟ้าบ่มีน้ำ ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกกราย ก็รีบซาบบ่รอซึม”
อายหลาวก๊ก 哀牢国
คําว่า “อายหลาว” 哀牢 มาจากภาษาไท/ไตว่า “อ้ายหลวง” ในช่วง ๕ ศตวรรษก่อนคริสตกาล บรรพชนไต/ไท แถบตอนกลางของแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวิน มีศูนย์กลางอยู่ที่ “เมืองช้าง” (“勐掌” “เมิงจ่าง”, ภาษาฮั่น เรียกว่า “เสิงเซี่ยงกั๋ว” “乘象国” หรือ “เมืองขี่ช้าง”) เป็นศูนย์กลางของสหพันธ์นครรัฐ (อยู่ชาติพันธุ์วรรณาแถบอำเภอเป่าซานปัจจุบัน ซึ่งในยุคสามก๊ก เรียกว่า “หย่งชาง-เวงเซี้ยง) ประมุขเมืองช้าง เรียกว่า “เจ้าหลวง” ( ภาษาจีน “จิ่วหลง 九隆”) ประมุขแต่ละเมืองเรียก “อ้ายหลวง” (“哀隆” แปลว่า “พี่ใหญ่” ภาษาจีนฮั่นถอดคำเป็น “อายหลาว哀牢”)
วิจิตรตา… วัดศรีเทพประดิษฐาราม
กัลยาณมิตรคนหนึ่งรู้ใจผมว่านิยมชมชอบงานศิลปะสถาปัตยกรรม ที่ประดับปูชนียสถานโดยไม่มีข้อจํากัดทางศาสนา จะเป็นเทวาลัยฮินดูโบสถ์คริสต์ มัสยิด ฤๅพุทธสถาน หากอนุญาตให้เข้าชมได้แม้แต่เพียงภายนอก ก็ถือเป็นความยินดีปรีดานัก